เมื่อวันที่ 3 ม.ค. ที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) นายบุญธรรม เลิศสุขีเกษม อธิบดี ปภ. เลขานุการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน ในฐานะประธานการประชุมคณะอนุกรรมการเฉพาะกิจศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนตลอดทั้งปี (ศปภ.) เปิดเผยว่า สถิติอุบัติเหตุทางถนนประจำวันที่ 2 ม.ค. 66 ซึ่งเป็นวันที่ห้าของการรณรงค์ “ชีวิตวิถีใหม่ ขับขี่อย่างปลอดภัย ไร้อุบัติเหตุ” เกิดอุบัติเหตุ 294 ครั้ง ผู้บาดเจ็บ 295 คน ผู้เสียชีวิต 40 ราย สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่
ขับรถเร็ว ร้อยละ 36.73 ดื่มแล้วขับ ร้อยละ 23.13 ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 79.40 ส่วนใหญ่เกิดบนเส้นทางตรง ร้อยละ 79.59 ถนนกรมทางหลวง ร้อยละ 37.41 ถนนใน อบต./หมู่บ้านร้อยละ 32.31

ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ช่วงเวลา 00.01-01.00 น. ร้อยละ 8.50 ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตสูงสุดอยู่ในช่วงอายุ 20-29 ปี ร้อยละ 18.51 มีการจัดตั้งจุดตรวจหลัก 1,880 จุด เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน 55,861 คน เรียกตรวจยานพาหนะ 397,459 คัน มีผู้ถูกดำเนินคดีรวม 57,635 ราย มีความผิดฐานไม่มีใบขับขี่ 16,783 ราย ไม่สวมหมวกนิรภัย 16,320 ราย ขับรถเร็วเกินกำหนด 7,394 ราย โดยจังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ นครศรีธรรมราช 14 ครั้ง จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ นครศรีธรรมราช 17 คน จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ ศรีสะเกษ 5 ราย

“สรุปอุบัติเหตุทางถนนสะสมในช่วง 5 วันของการรณรงค์ 29 ธ.ค.65-2 ม.ค.66 เกิดอุบัติเหตุรวม 1,960 ครั้ง ผู้บาดเจ็บรวม 1,938 คน ผู้เสียชีวิตรวม 263 ราย จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุดได้แก่ นครศรีธรรมราช และสกลนคร จังหวัดละ 65 ครั้ง จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ นครศรีธรรมราช 70 คน จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ เชียงราย 13 ราย จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิต (ตายเป็นศูนย์) มี 6 จังหวัด ได้แก่ นราธิวาส บึงกาฬ พังงา ยะลา สตูล และสุโขทัย” นายบุญธรรม กล่าว

นายบุญธรรม กล่าวต่อว่า วันนี้ประชาชนส่วนใหญ่ได้เดินทางกลับจากภูมิลำเนาและท่องเที่ยวแล้ว ขณะที่ยังมีบางส่วนอยู่ระหว่างการเดินทาง ซึ่งจากการตรวจสอบสภาพการจราจร พบว่า หลายเส้นทางมีปริมาณรถเริ่มเบาบาง โดยเฉพาะถนนสายหลักของจังหวัดใหญ่และเส้นทางจากภูมิภาคต่างๆ เข้าสู่กรุงเทพฯ ทำให้ผู้ขับขี่สามารถใช้ความเร็วสูง จึงขอเน้นย้ำให้จังหวัดเข้มงวดควบคุมการใช้ความเร็วที่อาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุรุนแรง ทั้งนี้ ศปถ.ขอฝากผู้ใช้รถใช้ถนนปฏิบัติตามกฎหมายจราจรอย่างเคร่งครัด และมีน้ำใจกับผู้ร่วมใช้เส้นทาง เพื่อให้เดินทางถึงจุดหมายอย่างปลอดภัย.