จากกรณีเมื่อกลางดึกของคืนวันที่ 7 ม.ค. ต่อเนื่องวันที่ 8 ม.ค. ที่ผ่านมา เกิดเหตุรถยนต์หรูยี่ห้อเบนท์ลีย์ สีเทา ของนายทุนพรรคการเมืองใหญ่ ทำธุรกิจซื้อขายที่ดิน ทำตลาดสดและขายวัสดุก่อสร้าง ขับซิ่งแซงซ้ายพุ่งชนรถยนต์ยี่ห้อมิตซูบิชิ ปาเจโร สีดำป้ายแดง ทะเบียน ณ 3830 กรุงเทพมหานคร ที่มีผู้โดยสารมากันทั้งครอบครัว รวม 6 คน จนเกิดรถหมุนพลิกคว่ำบาดเจ็บทั้งคันรถ ซ้ำมีรถดับเพลิงอาสาสมัครบรรเทาสาธารณภัยมัสยิดฮารูณ จำนวน 2 ราย ที่กำลังมุ่งหน้าไปช่วยเหลือผู้ติดค้างเหตุเพลิงไหม้เบรกกะทันหันจนพุ่งชน ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บ รวม 4 ราย และรถยนต์คู่กรณีได้รับความเสียหาย หลังเกิดเหตุคนขับเบนท์ลีย์ พยายามหลบหนีและมีอาการคล้ายเมาสุรา ตามที่มีการเสนอข่าวไปแล้วนั้น

เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว นายศราวุธ รีรักษ์ ผู้ขับขี่รถยนต์มิตซูบิชิ รุ่นปาเจโร เล่าว่า ออกจากบ้านพักย่านทุ่งครุ ขึ้นทางด่วนมุ่งหน้าลงดินแดง เพื่อจะกลับบ้านที่ จ.บึงกาฬ ขณะอยู่บนทางด่วนได้ขับในเลนกลางมาตามปกติ ใช้ความเร็วประมาณ 90 กม./ชม. จากนั้นรู้สึกโดนกระแทกแล้วก็จำอะไรไม่ได้เลย เพราะเหตุการณ์เกิดขึ้นเร็วมาก มาเห็นเหตุการณ์จากกล้องหน้ารถที่มีคนส่งมาให้ ในรถที่นั่งกันมาทั้งหมด 6 คน เป็นผู้ใหญ่ 5 คน เด็กอายุ 4 ขวบ 1 คน หลังเกิดเหตุรถพลิกคว่ำก็พยายามตั้งสติให้ได้และช่วยกันพาทุกคนออกมาจากรถให้ได้ก่อน ทั้งนี้ยังไม่ได้พูดคุยกับคู่กรณี

น.ส.ณิชชาวีร์ ชาติสุริยพัฒน์ แฟนสาวที่นั่งมาในรถคันเดียวกัน กล่าวว่า ที่รอดมาได้เป็นเพราะทุกคนคาดเข็มขัดนิรภัย โดยแฟนเป็นคนขับรถ มีพ่อนั่งด้านข้างคนขับได้รับบาดเจ็บแขนหัก ถัดมาเป็นแม่ หลานชาย ตนนั่งอยู่แถวที่สอง ส่วนน้องสาวนั่งอยู่ด้านหลัง และมีสัมภาระอีกไม่เยอะจำพวกที่นอน ส่วนของที่เหลือได้จัดไว้ด้านบนเพราะจะเดินทางไกลไปต่างจังหวัด เนื่องจากตนไม่ได้เจอพ่อแม่มาหลายปีแล้ว ตนจึงตั้งใจจะออกรถเมื่อวันที่ 19 ธ.ค.65 เพื่อจะนำรถกลับไปให้ครอบครัวดู เหมือนเราแบกความฝันกลับบ้าน และขณะนั้นครอบครัวทั้งหมดอยู่ในรถ ซึ่งกำลังนั่งอยู่ในรถกันชิลชิล สบายๆ จังหวะถูกชนดังตึง แล้วรถเหมือนจะหลุดออกจากทางด่วน เพราะรถได้ปีนเกยขึ้นขอบแบริเออร์แล้ว จากนั้นมีรถกู้ภัยมาชนจนรถหมุนอยู่หลายรอบ หากไม่มีรถกู้ภัยมาชนอีกต่อหนึ่งรถตนคงตกทางด่วนไปแล้ว ตนจึงเอามือจับหลานไว้ เมื่อทุกอย่างนิ่งก็พยายามเช็กเรียกทุกคนว่ายังอยู่ไหม โชคดีที่หลานหลับเขาจึงไม่ร้อง เมื่อตั้งสติได้ก็พากันปีนคลานออกมาด้านหลังตรงประตูเพราะกระจกแตกไปแล้ว

น.ส.ณิชชาวีร์ กล่าวต่อว่า เห็นคลิปตัวเองยังคิดเลยว่าใช้แต้มบุญสูงมาก เหมือนตายแล้วเกิดใหม่ รอดมาได้อย่างไร โชคดีที่ทุกคนคาดเข็มขัดนิรภัย ทั้งนี้ ที่สถานีตำรวจคู่กรณีไม่ยอมเป่าหรือตรวจแอลกอฮอล์ ตนก็ไม่ทราบเหตุผลว่าทำไมกลุ่มพี่ๆ กู้ภัยพยายามให้เขาเป่า แต่เขาปฏิเสธที่จะไม่เป่า พยายามที่จะไปดื่มน้ำ เคี้ยวหมากฝรั่ง เขาคงหาทางแก้ปัญหาของเขา ตนไม่รู้ว่าเขามีปัญหาอะไรถึงไม่ยอมเป่า ทางตำรวจแจ้งว่าเขาขอตรวจเลือดที่โรงพยาบาลตำรวจ เบื้องต้นคาดว่า ผลตรวจจะออกอย่างเร็วใน 7 วัน และไม่ทราบว่าระหว่างนี้จะมีกระบวนการอะไรหรือไม่ เท่าที่ทราบรถคู่กรณีไม่มีประกัน ส่วนประกันฝั่งเรายังไม่ตกลงกันว่าจะเคลมคันใหม่ให้หรือไม่ เพราะรถตนพึ่งออกมาได้เพียง 21 วัน ตนไม่รู้ว่าเขาจะรับผิดชอบให้เราได้ 100 เปอร์เซ็นต์หรือไม่ ส่วนเราต้องการรถคันใหม่และการเยียวยาร่างกายและจิตใจ เพราะพ่อก็แขนหัก การเยียวยาจะต้องรอการพูดคุยกันของทุกฝ่าย

“ขอวิงวอนคนที่มีรถหรู คุณมีอำนาจเงินหนูทราบ คุณมีสิทธิซื้อรถที่มีคุณภาพดี อัตราเร่งสูง ความเร็ว ความแรง อะไรก็ตาม แต่อย่าให้ถนนของสาธารณะเป็นที่ประลอง หรือขับรถที่ความเร็วเกินจำเป็น ไม่ใช่เฉพาะคุณบนท้องถนน มันคือชีวิตของคนอื่น คุณก็มีครอบครัว เราก็มีครอบครัว วันนั้นเรานั่งมากัน 6 คน ถ้าเราไม่อยู่วันนี้คนที่เหลืออยู่ก็เคว้ง พ่อแม่หนูรอเตรียมต้อนรับเราที่บึงกาฬ เราหดูหู่ใจ เซ็งและเคว้ง ไปไม่ถูก หวังว่าเขาจะรับผิดชอบเราอย่างเต็มที่” น.ส.ณิชชาวีร์ กล่าว.