จากกรณีของ นางเกษยา ศิริพฤกษชาด เจ้าของร้านขายยาแห่งหนึ่งใน อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ พร้อม น.ส.อาทิตยา ศิริพันธ์ ผู้เสียหาย ถูกหลอกลงทุนหุ้นต่างประเทศ (ดาวโจนส์) เข้าพบ พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ ภายหลังจากถูก น.ส.กุ๊ก (นามสมุติ) หลอกร่วมลงทุนหุ้นต่างประเทศ ตั้งแต่เดือน ต.ค. 62 จำนวนเงินรวม 5 ล้าน จากนั้นโอนเงินให้ผู้ต้องหาอีกครั้งละ 5-36 ล้านบาท รวม 40 ครั้ง รวมเงินทั้งสิ้น 206 ล้านบาท ต่อมาเมื่อวันที่ 19 เม.ย. 65 ทางผู้เสียหายได้หอบหลักฐานเรื่องการปลอมแปลงเอกสาร ทั้งสเตตเมนต์บัญชีธนาคารหลายแห่ง เอกสารเสียภาษีสรรพากร เอกสารจดทะเบียนพาณิชย์ พร้อมหลักฐานต่างๆ แจ้งดำเนินคดีในข้อหาฉ้อโกง กับพนักงานสอบสวน สภ.ฝาง นั้น

คืบหน้าเมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 26 ม.ค. 66 ที่ศาลจังหวัดฝาง เจ้าของร้านขายยาแห่งหนึ่งใน อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ พร้อมนางสาวอาทิตยา ศิริพันธ์ ผู้เสียหาย และนายนวพล พรัดมะลิ ทนายความ เดินทางมาร่วมรับฟังคำตัดสินของศาลในคดีฉ้อโกง โดยวันนี้ทางอัยการได้ส่งสำนวนสั่งฟ้อง น.ส.กุ๊ก (นามสมมุติ) พร้อมนายเค (นามสมมุติ) ไฮโซชื่อดัง จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ตามลำดับ เข้ามารับฟังคำตัดสิน ในระหว่างการเดินทางมารับฟังคำตัดสินนั้น ทางจำเลยได้พยายามหลบเลี่ยงไม่พบหน้าผู้เสียหาย กระทั่งศาลได้เรียกตัวและตัดสินในคดีดังกล่าว พร้อมมีคำสั่งคัดค้านการประกันตัวตามที่ผู้เสียหายได้ยื่นคัดค้านไว้

ด้านศาลจังหวัดฝาง ได้ออกหนังสือแถลงความคืบหน้าการพิจารณาคดี อ 88/2566 ตามเนื้อหาว่า เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 26 ม.ค. 66 เวลา 10.30 น. ศาลจังหวัดฝางประทับฟ้องคดีอาญาหมายเลขดำที่ อ 88/2566 ระหว่าง พนักงานอัยการจังหวัดฝาง โจทก์ น.ส.เอ (นามสมมุติ) ที่ 1 กับพวกรวม 2 คน จำเลย โดยกำหนดนัดคุ้มครองสิทธิ วันพฤหัสบดีที่ 16 ก.พ. 66 เวลา 13.30 น. นัดสอบคำให้การและตรวจสอบพยานหลักฐาน วันจันทร์ที่ 27 ก.พ. 66 เวลา 09.00 น. จำเลยทั้งสองยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว ศาลพิเคราะห์พฤติการณ์และความหนักเบาแห่งข้อหาแล้วเห็นว่า ตามฟ้องโจทก์กล่าวอ้างว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันฉ้อโกงผู้เสียหายทั้งสองหลายกรรมต่างกัน รวมทั้งปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอมเพื่อประสงค์ฉ้อโกงผู้เสียหายทั้งสอง และร่วมกันปิดบังซ่อนเร้น จำหน่ายจ่ายโอนทรัพย์สินเป็นการกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และเป็นคดีที่มีความผิดที่มีความเสียหายต่อทรัพย์มูลค่าสูง พฤติการณ์การกระทำความผิดของจำเลยทั้งสองเป็นเรื่องร้ายแรง ประกอบกับโจทก์และผู้เสียหายทั้งสองคัดค้านการปล่อยชั่วคราว จึงให้ยกคำร้องของจำเลยทั้งสอง

น.ส.อาทิตยา กล่าวว่า หลังจากได้มาฟังคำตัดสินของศาลที่ได้ตัดสินคู่กรณีของตน โดยศาลคัดค้านการประกันตัว กลัวมีพฤติกรรมซ่อนเร้น มีพฤติกรรมทั้งฉ้อโกง และฟอกเงิน รอมานานถึง 9 เดือน ตอนนี้ดีใจมากที่ความยุติธรรมมีกับเรา เขาสร้างเรื่องต่างๆ ว่า ตนเป็นคนผิด ไปรุกรานเขา ทั้งที่ไม่เคยทำอะไรเลย ที่ผ่านมาทำตามหลักกฎหมายมาโดยตลอด เขาสร้างโปรไฟล์ดีๆ ขึ้นมา จนเราเป็นคนผิดของสังคม เขาปลอมทุกสิ่งทุกอย่างจริงๆ ปลอมเอกสารเพื่อมาหลอกเรา เป็นสิ่งที่ได้รับมาตลอด ใครก็ตามที่คอยช่วยเหลือเขาอยู่ ใครก็ตามที่เชื่อมั่นในตัวเขาอยู่ วันนี้เป็นสิ่งพิสูจน์แล้วว่าเขาผิดจริงๆ สิ่งที่เคยถูกกระทำมาได้รับความยุติธรรมแล้ว โดยเขามักจะไปบอกผู้ใหญ่ที่มีชื่อเสียงว่าพวกตนไปทำร้ายเขา ทำให้เขาเสียชื่อเสียง วันนี้ที่สุดแล้ว ขอบคุณความยุติธรรม ขอบคุณตำรวจ อัยการขอบคุณทุกท่านที่ให้คำแนะนำในด้านกฎหมาย

นางเกษยา ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้เสียหาย กล่าวว่า กราบขอบพระคุณศาลจังหวัดฝาง ท่านอัยการฝางทุกท่านที่ให้ความยุติธรรม ตนได้ต่อสู้มา จนถึงตอนนี้ดีใจมาก ตนมาพูดให้ประชาชนทราบ ใครจะว่าเป็นยังไงตนไม่สน แค่อยากให้ทุกคนรู้ว่าพฤติกรรมของคนที่อาจจะเป็นอาชญากรของสังคมก็ได้ ต่อไปอาจจะร้ายแรงกว่านี้ ตนไม่อยากให้เกิดกับบุคคลอื่น เพราะครอบครัวบอบช้ำมากไม่อยากให้คนอื่นโดนอีกแล้ว

นายนวพล ทนายความ เปิดเผยว่า เป็นการฉ้อโกงผู้เสียหาย ยอดเงิน 200 กว่าล้านบาท มีการปลอมแปลงเอกสาร ทั้งเอกสารสิทธิที่เป็นเอกสารราชการ และมีพฤติการณ์กระทำความผิดซับซ้อน มีการโยกย้ายเปลี่ยนแปลงสภาพทรัพย์ ในวันนี้อัยการได้ส่งฟ้องในคดีฉ้อโกง โดยทางผู้เสียหายมายื่นขอให้ศาลคัดค้านการประกันตัวชั่วคราว เพราะคดีนี้เป็นคดีที่มีทุนทรัพย์สูง มีพฤติการณ์ร้ายแรง ในฐานะผู้เสียหาย เกรงว่าหากมีการปล่อยตัวชั่วคราว ทางด้านคู่กรณีจะหลบหนี ทางศาลจึงได้สั่งห้ามปล่อยตัวชั่วคราว ส่วนด้านคดีหลังจากนี้ เนื่องจากทางผู้เสียหายได้ใช้สิทธิทางศาล ทั้งในส่วนคดีอาญาและคดีแพ่ง ในส่วนทางอาญาก็ร้องทุกข์ดำเนินคดี รวมถึงใช้สิทธิดำเนินคดีด้วยตนเอง ในส่วนที่ฟ้องเองทางศาลก็ประทับรับฟ้องไว้แล้ว ในเดือน ก.พ. ก็จะมีวันรับฟ้องเพื่อสอบคำให้การ ตั้งแต่วันที่ 10, 16 และ 27 ก.พ. 66 นัดต่อไปก็เป็นการนัดฟ้องเพื่อสอบคำให้การ ก็อยู่ที่ว่าจำเลยจะให้การรับสารภาพหรือปฏิเสธ ถ้าปฏิเสธก็เข้าสู่กระบวนการสืบพยานไปตามปกติ และยังคดีในฐานฟอกเงินอีก 1 เรื่อง ซึ่งทางผู้เสียหายก็ได้ใช้สิทธิในการร้องทุกข์ดำเนินคดีไว้แล้ว ทางฝั่งของผู้เสียหาย ทางฝั่งที่ปรึกษาก็จะได้ติดตามในส่วนของเรื่องนี้ เพราะได้ร้องทุกข์ไปนานเกือบ 1 ปีแล้ว และยังมีการชดใช้ค่าเสียหายในส่วนของการละเมิด โดยให้คืนเงินที่ได้ฉ้อโกงไปทั้งหมดพร้อมกับดอกเบี้ย ก่อนหน้านี้ ที่คู่กรณีได้มีการตกลงชดใช้ค่าเสียหายกันมาแล้วนั้น ยังมีความไม่แน่นอนว่ามีเจตนาที่ได้เสนอเงื่อนไขไว้หรือไม่ เพราะว่าทุกครั้งที่มีการพูดคุยกัน ภายหลังก็มีการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขทุกครั้ง และยังไม่มีอะไรที่ส่อเจตนาให้เห็นชัดเจนว่า เจตนาที่จะเจรจากัน.