เมื่อวันที่ 10 ก.พ. ที่รัฐสภา นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง กล่าวถึงกรณีการสั่งเด้งฟ้าผ่า สารวัตรซัว ออกจากราชการ หลังมีการเปิดเบื้องหลังเอี่ยวเว็บไซต์การพนันออนไลน์ชื่อดัง ว่า พบว่าสารวัตรซัวมีเบื้องหลังหลายอย่าง และไม่ใช่เพิ่งเติบโตในเส้นทางตำรวจเร็วๆ นี้ ซึ่งจากข้อมูลที่มีพบว่า เคยมีการจัดตั้งมูลนิธิหรือเครือข่ายต่างๆ บังหน้า เพื่อทำธุรกิจสีเทา และมีความเกี่ยวข้องกับหน่วยงาน รวมถึงอดีตผู้บัญชาการที่รับผิดชอบดูแลองค์กรด้านไซเบอร์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ด้วย โดยตัวย่อของผู้บังคับบัญชาคนดังกล่าวคือนายพลจอจาน มีชื่อจริงตัวย่อกอไก่ ยืนยันว่า ผู้บัญชาการคนดังกล่าวมีการเรียกรับผลประโยชน์กับเว็บไซต์การพนันออนไลน์ และมีความสัมพันธ์เชิงการทำธุรกิจกับสารวัตรซัว

นายชูวิทย์ กล่าวต่อว่า ตนพร้อมน้อมรับผลกระทบที่ตามมา หลังมีการเอ่ยชื่อพาดพิงอดีตผู้บัญชาการคนดังกล่าว เป็นนักรบย่อมมีบาดแผล ซึ่งจุดประสงค์หลักของการเปิดโปงเรื่องนี้ คืออยากให้สังคมได้รับรู้ถึงกระบวนการสีเทาที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานราชการอย่างตำรวจ เนื่องจากอาจเป็นแหล่งบ่มเพาะอาชญากรในคาบเครื่องแบบ

นายชูวิทย์ กล่าวด้วยว่า แม้ทาง พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จะมีคำสั่งเด้งฟ้าผ่าให้ออกจากราชการไปแล้ว แต่ตำรวจควรตั้งข้อกล่าวหาในคดีอาญากับสารวัตรซัวด้วย ไม่ใช่แค่ปล่อยตัวไปเฉยๆ โดยส่วนตัวได้มีการส่งข้อมูลต่างๆ ซึ่งอาจเป็นประโยชน์ต่อการทำคดีให้กับ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางแล้ว

“ที่ผมพูดวันนี้มีเจตนาจะสื่อสารเรื่องกฎหมาย อันหมายถึงความยุติธรรม ซึ่งที่ผ่านมาการปฏิรูปตำรวจคือภาพลวงตา เพราะผ่านมาแล้ว 8 ปี ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ดังนั้น ผู้นำต้องปฏิรูปตัวเองเพื่อให้ทุกอย่างคืบหน้า เพราะที่ผ่านมาประเทศไทย อาจจะมีการขับเคลื่อนประเด็นสักอย่าง มีคนออกมาร้องเรียน และตำรวจเสียเองที่เป็นอาชญากร แทนที่จะเป็นผู้ตรวจสอบ ทั้งนี้ในฐานะที่เป็นอดีตสภาผู้แทนราษฎร จึงอยากฝากให้พรรคการเมืองต่างๆ ได้มีการตรวจสอบข้อมูลก่อนรับเงินบริจาคด้วย เพราะที่ผ่านมา แม้แต่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ก็ได้รับเงินบริจาคจากนายทุนเว็บไซต์มาเก๊า888 ซึ่งถือเป็นเงินสกปรกมาทำงานการเมือง และอาจเข้าข่ายการฟอกเงินด้วย” นายชูวิทย์ กล่าว