เมื่อวันที่ 4 มี.ค. ที่ จ.ขอนแก่น นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วยนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ในฐานะผู้ช่วยหาเสียง นำขบวนแห่ซาเล้งประชาธิปไตยจากตลาดบางลําภูไปยังอนุสาวรีย์พระนครศรีบริรักษ์ เพื่อช่วยนายวีรนันท์ ฮวดศรี ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ขอนแก่น เขต 1 พรรคก้าวไกล หาเสียง โดยตลอดทางนายพิธา ได้กล่าวทักทายพี่น้องประชาชน พร้อมขอบคุณความไว้วางใจ 3.9 หมื่นคะแนน ที่มอบให้กับเขต 1 ขอนแก่น พรรคอนาคตใหม่ เมื่อครั้งการเลือกตั้งปี 62 ทั้งนี้ บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก มีประชาชนพ่อค้าแม่ค้า ให้การต้อนรับเป็นอย่างดี ทั้งมาขอถ่ายภาพ พร้อมกล่าวชมว่าพรรคก้าวไกลมีแต่คนหล่อ ขอให้สู้ๆ แถมยังมีบรรดาแฟนคลับ วิ่งนำขนมและของกินมาฝากตลอดทาง บางช่วงบางตอน มีคนขับขี่มอเตอร์ไซค์ ถามว่ารอบนี้จะมีงูเห่าอีกหรือไม่ โดยนายปิยบุตร ตอบทันทีว่า “รอบนี้ไม่มีแน่นอน” นอกจากนี้ ช่วงหนึ่งรถซาเล้งของผู้สื่อข่าว ได้ยกล้อด้านหน้าขึ้น นายพิธา จึงพูดขึ้นว่า เทแต่ซาเล้ง แต่ไม่เทประชาชนแน่นอน

ทั้งนี้ นายปิยบุตรให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ของพรรคก้าวไกลในการเลือกตั้งครั้งนี้ว่า ตนได้รับการแต่งตั้งให้มาเป็นผู้ช่วยหาเสียงให้กับพรรคก้าวไกล และที่ผ่านมาได้ติดตามผลโพลมาตลอด จึงเชื่อว่าคะแนนนิยมของพรรคก้าวไกลจะยังมีอยู่ โดยเฉพาะเขต 1 จ.ขอนแก่น ที่เราชนะเลือกตั้งในครั้งที่แล้ว ดังนั้นครั้งนี้นายวีรนันท์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ขอนแก่น เขต 1 คนใหม่ ภายใต้การนำของนายพิธา คะแนนของเราจึงยังมีอยู่ การเลือกตั้งทุกครั้งเหนื่อยทุกครั้ง แต่ความมุ่งมั่นตั้งใจและจุดยืนของพรรคก้าวไกล มีความชัดเจนและแตกต่างจากพรรคอื่นอย่างเห็นได้ชัด 4 ปีที่แล้ว พรรคอนาคตใหม่ถูกปรามาส แต่เราทะยานขึ้นมาได้ จึงเชื่อว่าพรรคก้าวไกลจะสามารถทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชนให้มาสนับสนุนเรา ขณะที่แต่ละการเมืองกำลังหมกมุ่นกับการแย่งตัว ส.ส.

ส่วนนายพิธาให้สัมภาษณ์ถึงการประเมินความนิยมของพรรคในการเลือกตั้งครั้งนี้ว่า เราประเมินไว้ 3 อย่างคือ 1.เราอยากได้ ส.ส.เขตมากกว่า ส.ส.บัญชีรายชื่อ 2.อยากได้ให้ครบทุกเขตให้ครบทุกเขต ทุกภูมิภาค โดยเฉพาะภาคใต้ และ 3.ได้คะแนนป๊อปปูลาร์โหวตมากกว่าสมัยพรรคอนาคตใหม่ ที่ได้ 6.3 ล้านคะแนน เมื่อลบกับคะแนนของพรรคไทยรักษาชาติ ก็จะเหลืออยู่ประมาณ 5 ล้านเสียง ในการเลือกตั้งครั้งนี้ วิธีการคำนวณแตกต่างจากเมื่อปี 62 เราจึงจะพยายามให้ได้ ส.ส. มากที่สุด

เมื่อถามว่าพรรคก้าวไกลได้รับผลกระทบจากการแบ่งเขตเลือกตั้งหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า เราจะสู้ทุกรูปแบบ จ.เชียงใหม่ และเชียงราย เขตอาจจะหายไป แต่ จ.ปัตตานี ที่เพิ่มขึ้นมา โพลของพรรคก้าวไกลก็ถือว่าดี และเป็นจังหวัดที่มีสัดส่วนของผู้ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งครั้งแรกและครั้งที่สองเยอะที่สุดในประเทศไทย เราจึงยังพอมีลุ้นที่จะรักษาเขตเดิมและเพิ่มเติมเขตใหม่

ผู้สื่อข่าวถามว่าการแบ่งเขตใหม่จะกระทบต่อการทำงานในพื้นที่หรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นสิ่งที่เราคาดไว้แล้ว ที่จะแบ่งเขตให้ฝ่ายผู้มีอำนาจได้ประโยชน์มากกว่า ดังนั้นในหลายพื้นที่ เช่น ขอนแก่น ซึ่งยังไม่ชัดเจนเรื่องการแบ่งเขต ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. เราใช้วิธีการเดินเป็นทีม เมื่อมีความชัดเจนเรื่องแบ่งเขต จึงแบ่งเขตกันให้ลงตัวได้ จึงไม่เป็นปัญหา

เมื่อถามถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทย ตั้งทีมเศรษฐกิจและมีบิ๊กเนมเข้ามาร่วมทำงานด้วย โดยเฉพาะนายเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.แสนสิริ พรรคก้าวไกลจะรับมืออย่างไร นายพิธา กล่าวว่า เราพร้อมที่จะรับมือและแข่งขัน แต่พร้อมที่จะร่วมมือกับพรรคเพื่อไทย และแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าจะเป็นใครก็แล้วแต่ ในช่วงที่บ้านเมืองอยู่ในภาวะหัวเลี้ยวหัวต่อ ต้องแข่งขันกันในเชิงนโยบายว่า ทางออกที่ดีสำหรับเศรษฐกิจในปัจจุบันคืออะไร การแก้ไขปัญหาในเชิงภูมิรัฐศาสตร์ ปัญหาสิ่งแวดล้อมที่กระทบเศรษฐกิจ หากผลเลือกตั้งออกมาเราก็พร้อมที่จะร่วมมือกันทำงาน

เมื่อถามถึงกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าฐานเสียงของพรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกล มีความใกล้เคียงกัน นายปิยบุตร กล่าวว่า ตนเชื่อว่าทุกพรรคเริ่มจากศูนย์ทุกครั้งในการเลือกตั้ง ไม่ว่าจะเป็นโพลหรือคะแนนเก่า ทุกอย่างต้องเริ่มใหม่หมด ตนจึงเชื่อว่าพรรคก้าวไกลมีโอกาส ส่วนเรื่องฐานเสียงที่ทับซ้อนกันประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินใจว่าท้ายที่สุด จะเลือกเพื่ออนาคต ไม่จมปลักอยู่กับปัญหาเดิมๆ ซึ่งพรรคก้าวไกลตอบโจทย์ในเรื่องนี้ เมื่อถามถึงกรณีที่ถูกมองว่าพรรคก้าวไกล ไม่ได้ปักธงเพื่อสู้กับเผด็จการแต่สู้กับพรรคเพื่อไทย นายปิยบุตร กล่าวว่า เท่าที่ตนติดตามดูผลโพลและผลสำรวจพบว่า ฝ่ายค้านปัจจุบันคะแนนรวมกันประมาณ 60% ตีเป็นจำนวน ส.ส. 300 ที่นั่ง ดังนั้นพรรคร่วมฝ่ายค้านปัจจุบันทั้งหมดจะได้ ส.ส. ประมาณ 300 ที่นั่ง จึงคิดเป็นอื่นไม่ได้ นอกจากจับมือร่วมกันตั้งรัฐบาล สามารถปิดสวิตช์ ส.ว. และ 3 ป. ได้ เมื่อถามย้ำว่าหมายความว่าพรรคก้าวไกลกับเพื่อไทยจับมือกันใช่หรือไม่ นายปิยบุตร กล่าวว่า สุดท้ายอยู่ที่ผลการเลือกตั้ง

เมื่อถามถึงผลการสำรวจของนิด้าโพล ระบุว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ได้รับความนิยมในหมู่คนรุ่นใหม่เพิ่มขึ้น นายพิธา กล่าวว่า พรรคก้าวไกลตั้งใจทำงานตอบสนองต่อคนรุ่นใหม่ให้มากขึ้น ที่มีความต้องการอย่างหลากหลาย ความนิยมของพรรคก้าวไกลยังมีอยู่ แต่ก็ประมาทไม่ได้ เพราะไม่มีใครเป็นเจ้าของประชาชน เราจึงต้องให้เกียรติประชาชนโดยเฉพาะผู้ที่มีสิทธิเลือกตั้งครั้งแรก ทำให้รู้สึกว่าการเลือกตั้ง เป็นการสร้างโอกาสของการเปลี่ยนแปลงให้สมกับที่ต้องการ เราจึงต้องแข่งกันที่นโยบายและการเมือง

ส่วนคำถามถึงกรณีหาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ไปร่วมมือกับพรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกลจะมีจุดยืนในเรื่องนี้อย่างไร นายพิธา กล่าวว่า “จุดยืนของเราชัดเจนว่า พรรคทหารจำแลงอย่างพรรครวมไทยสร้างชาติและพรรคพลังประชารัฐ ไม่มีพรรคก้าวไกลอยู่ในนั้นแน่นอน ผมไม่มีทางที่จะไปอยู่ ครม. เดียวกันกับ พล.อ.ประวิตร และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แน่นอน”