เมื่อวันที่ 14 มี.ค. นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้สัมภาษณ์ยืนยันถึงกระแสข่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชุดใหญ่ มีมติแจ้งข้อกล่าวหาแก่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กับพวกรวม 46 ราย คดีจัดซื้อรถยนต์ไฟฟ้าตรวจการณ์อัจริยะ จำนวน 260 คัน วงเงิน 900 ล้านบาท ปีงบประมาณ 2561-2562 แล้วจริง ๆ โดยการแจ้งข้อกล่าวหาดังกล่าวเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ส่วนขั้นตอนหลังจากนี้จะเปิดโอกาสให้ผู้ถูกกล่าวหาเข้ามาชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาตามกฎหมาย กำหนดระยะเวลาภายใน 15 วันภายหลังได้รับแจ้งข้อกล่าวหา และสามารถยื่นหนังสือเข้ามาขอเลื่อนชี้แจงได้ โดยเป็นดุลพินิจของคณะกรรมการ ป.ป.ช.ว่าจะอนุญาตให้เลื่อนชี้แจงหรือไม่

อย่างไรก็ตาม มีรายงานข่าวแจ้งว่า คดีดังกล่าวเมื่อเดือน พ.ค. 65 ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชุดใหญ่ มีมติเห็นชอบตามที่คณะอนุกรรมการกลั่นกรองเรื่องกล่าวหาประจำสำนักไต่สวนการทุจริตภาครัฐ 1 เสนอให้มีการแต่งตั้งองค์คณะไต่สวน (มีกรรมการ ป.ป.ช. 9 รายเป็นองค์คณะ) โดยมี น.ส.สุภา ปิยะจิตติ เป็นกรรมการผู้รับผิดชอบสำนวน

สำหรับประเด็นการไต่สวนเรื่องนี้มีทั้งกรณีการอนุมัติให้ใช้วิธีการจัดซื้อโดยวิธีคัดเลือก ชอบด้วย พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างฯ 2560 และระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างฯ 2560 หรือไม่ การจัดซื้อโดยวิธีคัดเลือกเป็นเหตุให้ไม่มีการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรมหรือไม่ การกำหนดราคากลางชอบหรือไม่ แพงเกินจริงหรือไม่ การไม่คิดค่าปรับและแก้ไขสัญญาเพิ่มเติมเป็นการเอื้อประโยชน์ให้แก่บริษัทเอกชนคู่สัญญาหรือไม่

ส่วนโครงการจัดซื้อรถยนต์ไฟฟ้าตรวจการณ์อัจฉริยะ จำนวน 260 คัน วงเงินกว่า 900 ล้านบาท ในปีงบประมาณ 2561-2562 ดังกล่าว มีบริษัท จีเนียส ทราฟฟิค ซิสเต็ม จำกัด เป็นคู่สัญญา เคยปรากฏเป็นข่าวทางสื่อมวลชนช่วงต้นปี 63 ว่าเป็นโครงการที่ 2 ต่อจากโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการตรวจพิสูจน์บุคคลโดยเทคโนโลยี Biometrics ระยะที่ 1 วงเงิน 2.1 พันล้านบาท ที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งปรึกษาพิเศษ สำนักนายกรัฐมนตรี ออกมาเปิดเผยต่อสื่อมวลชนว่า ถูกคนร้ายลอบยิงรถยนต์ เมื่อคืนวันที่ 7 ม.ค. 62 โดยเชื่อว่าเกิดจากสมัยดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการสำนักตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ผบช.สตม.) และสั่งการให้มีการตรวจสอบโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการตรวจพิสูจน์บุคคลโดยเทคโนโลยี Biometrics ระยะที่ 1 พร้อมกับมีหนังสือถึง ผบ.ตร.ยุคนั้นคือ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ให้ยกเลิกโครงการดังกล่าว เนื่องจากเกิดความล่าช้า และส่งงานไม่ทัน พร้อมกับยื่นเรื่องให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบ

ส่วน ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในวันเดียวกัน นายนิวัติไชยรับหนังสือร้องเรียนจาก นายเศกศักดิ์ หุ่นสอาด ในฐานะตัวแทนกลุ่มพนักงาน BTS ซึ่งเดินทางมายื่นเรื่องร้องเรียนพร้อมด้วยพนักงานบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTSC จำนวนประมาณ 150 คน เพื่อขอให้ตรวจสอบกรณี ป.ป.ช. แจ้งข้อกล่าวหา บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)

ทั้งนี้ นายนิวัติไชย ได้ชี้แจงให้กลุ่มผู้ยื่นข้อร้องเรียนให้ทราบว่า กรณีเรื่องกล่าวหาบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ในประเด็นเกี่ยวกับการอนุมัติใบอนุญาตและสัมปทานการเดินรถนั้น โดยคณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้ดำเนินการตรวจสอบเพื่อรวบรวบพยานหลักฐานว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร จนมีมติแจ้งข้อกล่าวหาต่อ ผู้ถูกกล่าวหาทั้งเจ้าหน้าที่ของรัฐและเอกชนดังที่ปรากฏเป็นข่าว ซึ่งการแจ้งข้อกล่าวหาให้ผู้ถูกกล่าวหาทราบเป็นขั้นตอนตามกระบวนการดำเนินงานตามกฎหมายของสำนักงาน ป.ป.ช. ที่เปิดโอกาสให้ ผู้ถูกกล่าวหาได้ชี้แจงข้อเท็จจริง ตลอดจนนำเสนอพยานหลักฐานต่าง ๆ ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะได้สรุป และนำเสนอต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อวินิจฉัยต่อไป ซึ่งในขั้นตอนนี้ผู้ถูกกล่าวหาจะมีสิทธิ ตามกฎหมายในการแก้ข้อกล่าวหาเพื่อความเป็นธรรมตามกระบวนการทางกฎหมายอย่างเต็มที่

โดยในขั้นตอนนี้ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ยังไม่ถือว่าเป็นผู้กระทำความผิด จนกว่าจะมีการวินิจฉัยของคณะกรรมการ ป.ป.ช. และคำพิพากษาของศาลอันถึงที่สุดแล้ว.