จากกรณีคดีสะเทือนขวัญในพื้นที่ จ.สงขลา วันที่ 27 ก.พ. 2564 เมื่อคนร้ายคือ นายประถม เอียดขาว หรือ บังหมัด อายุ 49 ปี ก่อเหตุขับรถเก๋งเฉี่ยวชน จยย.ที่ “น้องนิหน่า” นักเรียนชั้น ม.3 วัย 15 ปี จนตกคูน้ำกลางถนน ก่อนจะลงไปชกหน้าท้องเพื่อลงมือข่มขืนจนสำเร็จความใคร่ แล้วก็นำเหล็กสำหรับเปลี่ยนล้อรถตีเข้าใบหน้าและศีรษะของเหยื่อเสียชีวิต จากนั้นก็ลาก จยย.มาทับร่างเอาไว้เพื่ออำพรางทำนองว่าเป็นอุบัติเหตุ ทั้งยังชิงเอากระเป๋าสะพายที่มีเงินสด 1,300 บาท ไปด้วย

โดยตำรวจใช้เวลา 26 ชม. ก็สามารถจับกุมตัวคนร้ายได้ในบ้นพัก พื้นที่หมู่ 6 ต.คลองทรายขาว อ.กงหรา จ.พัทลุง และติดตามหาของกลางจนครบถ้วนเพื่อเป็นหลักฐานในการมัดตัวคนร้ายชนิดดิ้นไม่หลุด โดยเฉพาะเสื้อแจ๊กเกตสีน้ำตาลของเหยื่อ ได้ถูกนำมาเช็ดน้ำอสุจิก่อนนำไปทิ้งในพื้นที่ ต.คูหาใต้ อ.รัตภูมิ จ.สงขลา ส่วนเหล็กที่ใช้ตีเหยื่อ ผู้ก่อเหตุนำไปล้างแล้วนำเก็บไว้ในช่องเก็บของหลังเบาะนั่งข้างคนขับ ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น…

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 17 มี.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 2 มี.ค. 2566 ที่ผ่านมา ศาลจังหวัดสงขลามีคำพิพากษา ในคดีความผิดที่ต่อชีวิต ที่พนักงานอัยการจังหวัดสงขลาเป็นโจกท์ยื่นฟ้อง นายประถม เอียดขาว จำเลย ในความผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา และข้อหาอื่น ๆ โดยศาลได้พิเคราะห์คำเบิกความทั้งโจทก์และจำเลยแล้ว เห็นว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้องจริง

โดยคำพิพากษา ระบุว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 (7), 339 วรรคท้าย ประกอบมาตรา 340 ตรี การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 ฐานฆ่าผู้อื่นเพื่อปกปิดความผิดอื่นของตนหรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดที่ตนได้กระทำไว้ ลงโทษประหารชีวิต ฐานชิงทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะและเป็นสาเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ลงโทษประหารชีวิต จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กระทงละกึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบมาตรา 52 (2) ฐานฆ่าผู้อื่นเพื่อปกปิดความผิดของตนหรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดที่ตนได้กระทำไว้ คงจำคุกตลอดชีวิต ฐานชิงทรัพย์ ในเวลากลางคืนเป็นหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย โดยใช้ยานพาหนะ คงจำคุกตลอดชีวิต

เมื่อลงโทษจำคุกตลอดชีวิตในความผิดกระทงแรกแล้ว จึงไม่อาจนำโทษจำคุกในความผิดกระทงอื่นมารวมได้อีก ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 (3) คงจำคุกจำเลยตลอดชีวิตสถานเดียว ริบของกลาง ข้อหาอื่นให้ยก ให้จำเลยคืนกระเป๋าสะพาย หรือชดใช้ราคาเป็นเงิน 250 บาท แก่โจทก์ร่วมทั้งสอง ให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ร่วมทั้งสอง 2,100,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 5 ต่อปี ของต้นเงินจำนวนดังกล่าวนับตั้งแต่วันละเมิด (วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2564) จนกว่าจะชำระเสร็จ หากกระทรวงการคลังปรับเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยใหม่ โดยตราเป็นพระราชกฤษฎีกา ให้ใช้ดอกเบี้ยใหม่ตามที่ปรับเปลี่ยนแต่ไม่เกินอัตราร้อยละ 5 ต่อปี ค่าฤชาธรรมเนียมในส่วนคดีแพ่งให้เป็นพับ.