เมื่อวันที่ 6 เม.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บนโลกออนไลน์ได้มีการแชร์เรื่องราวจาก “น้องมะลิ” สาวพริตตี้และเอ็มซีคนดัง ที่ได้ออกโพสต์อุทาหรณ์เตือนใจสายฉีด หลังใช้บริการ “หมอกระเป๋า” ฉีดฟิลเลอร์บริเวณร่องแก้มทั้งสองข้าง จนสุดท้ายหวิดดับ ตาบอด โดยระบุเรื่องราวว่า

“อุทาหรณ์เตือนใจสายฉีด #หวิดดับ #หวิดตาบอด #หมอกระเป๋า เมื่อคืนวันที่ 17 มี.ค. มะลิได้ฉีดฟิลเลอร์บริเวณร่องแก้มทั้งสองข้าง หลังฉีดเสร็จไม่ถึงชั่วโมง เริ่มมีรอยช้ำขึ้นที่หน้าแก้มฝั่งขวา และแสบโพรงจมูกขวามากๆ น้ำมูกไหลไม่หยุด เช้าวันที่ 18 มี.ค. มะลิบินไปโปรโมตภาพยนตร์ บังเอิญรัก ข่อยฮักเจ้า ที่ จ.อุดรธานี ซึ่งมะลิไม่สามารถเข้าร่วมงานวันนั้นได้ เพราะต้องรีบไปโรงพยาบาลให้คุณหมอดูอาการ เนื่องจากระดับความแสบโพรงจมูกมากขึ้น น้ำมูก-น้ำตาด้านขวาไหลไม่หยุด

คุณหมอเจาะเลือดให้ยาฆ่าเชื้อ-ยาแก้แพ้ และให้ยามาทานตามอาการ แต่ไม่สามารถระบุสาเหตุได้ เช้าวันที่ 19 มี.ค. มะลิข้ามมาโปรโมตหนังที่ฝั่งลาว วันนี้อาการแย่ลงกว่าเดิม หน้าเริ่มบวมขึ้น ปากบวม มีแผลในปากหลายจุด และเหมือนมีสิวขึ้นเล็กน้อย เช้าวันที่ 20 มี.ค. ตื่นเช้ามาด้วยความรู้สึกทั้งเสียใจ ทั้งกลัว และสับสนว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง เพราะอาการทั้งหมดของเมื่อวานมันคูณสิบในวันนี้ เพียงแค่ข้ามคืนตุ่มที่เหมือนสิวขึ้นเยอะกว่าเดิมมาก มะลิรีบบินกลับกรุงเทพฯ พอลงเครื่องก็รีบไปหาคุณหมอเฉพาะทางด้านผิวหนังที่รู้จักทันที (ไม่ใช่คนที่ฉีดให้นะคะและไม่ใช่คลินิกที่ไปฉีด) ที่ ATier Wellness & Surgery

พี่หมอลิงค์เห็นปุ๊บบอกเลยว่าอาการนี้คือ “ฉีดฟิลเลอร์เข้าเส้นเลือด” ซึ่งอันตรายมากๆ เนื่องจากฟิลเลอร์เข้าไปอุดตันเส้นเลือด ทำให้เลือดไม่ Flow เลือดไม่สามารถไปหล่อเลี้ยงในจุดต่างๆ ได้ เสี่ยงมากที่ฟิลเลอร์จะไหลเข้าตา เนื้อเยื่อตายบริเวณที่เลือดไม่ไปเลี้ยง ส่วนตุ่มที่มะลิคิดว่าเป็นสิว ความจริงแล้วมันคือหนอง จากการอักเสบรุนแรง!! ต้องรีบฉีดสลายด่วน พี่หมอลิงค์จึงให้คำปรึกษาอย่างละเอียดและให้การรักษาเบื้องต้น ทั้งฉีดสลายฟิลเลอร์ ฉายแสงลดการอักเสบและสมานแผลบนผิว ให้ยาฆ่าเชื้อทางหลอดเลือด etc. หลังจากนั้นจึงส่งเคสไปให้ทาง รพ.รามาธิบดี ต่อ

การฉีดสลายฟิลเลอร์ ไม่ใช่ฟิลเลอร์ 1cc = ฉีดสลาย 1 ขวด ปัจจุบันมะลิฉีดไป 45 ขวดแล้ว บอกเลยว่าฉีดสลายแม่งเจ็บโคตรๆๆๆ ยิ่งผิวมะลิอักเสบมาก ทำให้ยาชาที่ฉีดไปแทบไม่ได้ผล สภาพจิตใจช่วงอาทิตย์แรกแย่มากๆ ยอมรับเลยว่ามีคิดสั้นบ่อยครั้ง คิดแค่ว่าอยากจบชีวิตตัวเองตอนนี้ เพื่อที่จะไม่ต้องทนเจ็บต่อไปอีกแล้ว อยากวิ่งออกไปให้รถชนให้มันเจ็บครั้งเดียวแล้วจบไปเลยยังดีกว่า ส่วนคนที่ฉีดให้มะลิ เขาไม่ได้เป็นหมอ เขาเป็นพยาบาล ถ้ามะลิรักษาตัวเองเรียบร้อยเมื่อไหร่ จะรีบดำเนินคดีกับเขาทันที

มะลิอยากแชร์ประสบการณ์ของตัวเอง และเตือนเพื่อนๆ หลายคนไว้ การฉีดฟิลเลอร์ไม่ผิด แต่คนที่ฉีดให้ต้องเป็นหมอจริงๆ ต้องมี **ประสบการณ์ฉีดมาเยอะ** มีความชำนาญและความรู้ว่าต้องฉีดอย่างไรจริงๆ เพราะต่อให้เป็นหมอฉีดแล้วพลาดขึ้นมา อย่างน้อยเขาก็ทราบสาเหตุและรักษาแก้ไขได้ถูกวิธี ทันท่วงที

สายฉีดควรเช็กคลินิก เช็กคุณหมอ เช็กฟิลเลอร์ให้ชัวร์ว่าของแท้หรือเปล่า อย่าเห็นแก่ของถูก และถึงเป็นยาที่ผ่าน อย. ก็ไม่ใช่ว่าคุณจะปลอดภัย เพราะมีโอกาสเกิดอันตรายจากการฉีดที่ผิดพลาด ผิดตำแหน่ง เพราะไม่ได้เรียนเฉพาะทาง ไม่รู้ว่าบริเวณไหนอันตราย ข้อห้ามข้อควรระวังในการฉีด รวมทั้งข้อแนะนำหลังการฉีดที่เหมาะสม อย่าชะล่าใจเด็ดขาด เพราะเวลามันพลาดขึ้นมา มันจะเจ็บหนัก จ่ายหนักกว่าเดิมหลายเท่า หรือบางครั้งมันอาจจะทำให้เราพิการขั้นตาบอด หรือ ไม่สามารถรักษาให้หายกลับมาเป็นปกติเหมือนเดิมได้อีก!

มะลิยังถือว่าโชคดีมากที่ยังสามารถรักษาได้ทันและกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ บทเรียนนี้ถือเป็นบทเรียนครั้งใหญ่ในชีวิตเลยก็ว่าได้ มะลิอยากขอบคุณครอบครัว เพื่อนๆ คนรอบข้างที่คอยซัพพอร์ตและให้กำลังใจตลอด 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา และ ขอขอบคุณ รพ.รามาธิบดี ที่รับเคสมะลิมาดูแล ซึ่งปกติแล้วทาง รพ. จะไม่รับเคสหมอกระเป๋า แต่ด้วยความเมตตาของท่านอาจารย์หมอทุกๆ ท่าน ที่มองข้ามกฎเกณฑ์ในส่วนนั้น และช่วยเหลือให้มะลิสามารถกลับมามีชีวิตที่ดีขึ้นอีกครั้ง ขอบพระคุณคุณหมอ คุณพยาบาลทุกๆ ท่านที่ดูแลจนมะลิหาย ขอบคุณจากใจจริงๆ ค่ะ

สุดท้าย…มะลิหวังว่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับมะลินี้ จะเป็นอุทาหรณ์ให้กับทุกๆ คนที่ผ่านเข้ามาอ่านได้นะคะ เพราะมะลิไม่อยากให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นกับใครอีกเลย”..

ขอบคุณภาพประกอบ : Mali Kanjanaphuping