เมื่อวันที่ 12 เม.ย. นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 11 เม.ย. สำนักงาน ป.ป.ส. ได้รับแจ้งเบาะแสการโพสต์ซื้อ-ขายยาเสพติด ผ่าน application ติ๊กต็อก (tiktok) โดยใช้ชื่อ xxx (อยู่ระหว่างสืบสวน) มีการโพสต์จำหน่ายลักษณะคล้ายกับยาอีรูปแบบใหม่ บรรจุมาในซองคอลลาเจน ตนจึงสั่งการให้สำนักงานปราบปรามยาเสพติด ตรวจสอบชื่อบัญชีผู้ใช้ติ๊กต็อกดังกล่าว และพบว่ามีการโพสต์จำหน่ายยาเสพติดลักษณะคล้ายยาอีและเคตามีน บรรจุในซองเครื่องดื่มเกลือแร่ ซองเครื่องดื่มคอลลาเจน และซองกาแฟสีดำ โดยโพสต์แจ้งเบอร์โทรศัพท์สำหรับติดต่อซื้อ-ขาย เป็นเบอร์โทรศัพท์และ WhatsApp ของประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งพบว่ามีสมาชิกบัญชีติ๊กต็อกเข้ามาติดต่อขอซื้อทั้งคนไทยและประเทศเพื่อนบ้าน แจ้งราคาจำหน่ายซองละ 1,500 บาท ราคาส่งซองละ 1,200 บาท โดยจำหน่ายในพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำ ยังไม่มีบริการจัดส่งเข้ามาในประเทศไทย

นายวิชัย กล่าวอีกว่า ในช่วง 2-3 ปี ที่ผ่านมา เราพบยาเสพติดประเภท club drug หรือยาเสพติดที่ใช้ในสถานบันเทิง ซึ่งประกอบด้วย ยาอี (ecstacy) และ ยาเค (ketamine) เป็นส่วนใหญ่ ถูกนำมาขายในรูปแบบการบรรจุใส่ซอง เช่น ซองกาแฟ หรือในกรณีนี้พบเป็นซองคอลลาเจน โดยเป็นรูปแบบของการปกปิดอำพรางของนักค้ายาเสพติด ซึ่งยาเสพติดที่บรรจุซองขายในลักษณะนี้ มักเป็นการรวมของยาเสพติดประเภท club drug หรือวัตถุออกฤทธิ์หลายประเภทรวมกัน ซึ่งการที่ไม่รู้ส่วนผสมและการใช้ยาเสพติดหลายประเภทพร้อมกันอันตราย เช่น เคยปรากฏในกรณียาเคนมผง ซึ่งเป็นการนำวัตถุออกฤทธิ์กลุ่มยานอนหลับ ไปบดเป็นผง และผสมกับยาเสพติด และส่งผลให้ผู้ใช้เสียชีวิตจากการใช้ยาเสพติดดังกล่าว

นายวิชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า ขอแจ้งเตือนภัยดังกล่าว โดยยาเสพติดไม่ว่าจะเป็นรูปแบบไหน อย่ายุ่งเกี่ยวจะดีที่สุด ในส่วนของสำนักงาน ป.ป.ส. ได้มีการติดตามเฝ้าระวังและตรวจสอบบัญชีสื่อสังคมออนไลน์ที่มีพฤติการณ์โพสต์จำหน่ายยาเสพติดอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการโพสต์โฆษณาจำหน่ายยาเสพติด เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายยาเสพติดมาตรา 137 ผู้ใดโฆษณาเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษหรือวัตถุออกฤทธิ์โดยไม่ได้รับอนุญาต ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

“สำนักงาน ป.ป.ส. จะแลกเปลี่ยนข้อมูลกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อเร่งดำเนินการนำตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษตามกฎหมาย และตามประมวลกฎหมายยาเสพติดมาตรา 124 หากพบว่า ผู้กระทำความผิดเป็นคนไทย แม้การกระทำนั้นจะเป็นการกระทำนอกราชอาณาจักร ผู้นั้นจะต้องได้รับโทษในราชอาณาจักร ซึ่งจะมีการขยายผลการสืบสวน เพื่อจับกุมผู้บงการที่เกี่ยวข้อง และจะต้องถูกยึดทรัพย์สินตามประมวลกฎหมายยาเสพติดต่อไปด้วย” นายวิชัย ระบุปิดท้าย.