เมื่อวันที่ 27 เม.ย. จากกรณีเพจ ‘ออยศรีและผองเผือก’ นำคลิปวิดีโอการสนทนากันระหว่าง นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ กับ นายปรีชา ใคร่ครวญ หรือ ครูปรีชา เจ้าของวลี “ความจริงก็คือความจริง” คู่กรณีคดีหวย 30 ล้านอลเวง ระหว่าง ครูปรีชา กับ ร.ต.ท.จรูญ วิมูล หรือหมวดจรูญ ที่เคยเป็นข่าวโด่งดังเมื่อหลายปีก่อน มาโพสต์ลงในเพจ พร้อมกับระบุว่า นายษิทรา เคยปลอมตัวไปคุยกับครูปรีชา หลอกให้เขาเปิดข้อมูลที่มีให้ดู พร้อมอัดเสียง อัดคลิปวิดีโอ เพื่อมาเป็นหลักฐานในการต่อสู้ ทั้งยังนำไปเปิดโชว์สื่อด้วยนั้น

ต่อมานายปรีชา ใคร่ครวญ หรือครูปรีชา ได้โพสต์ข้อความระบุว่า “คดีหวย 30 ล้าน..เนิ่นมา เกือบ 6 ปี…มีสิ่งที่ค้นพบอีกหลายประการ..เร็วๆ นี้ความจริงจะปรากฏ @ความจริงก็คือความจริง ..(เสมอ) 555”

จากนั้นครูปรีชา ซึ่งขณะนี้เป็นผู้สมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชากรไทย ลำดับที่ 9 กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า คลิปที่ทนายษิทรา นำไปเผยแพร่นั้น เป็นการแอบบันทึกภาพโดยที่ตนเองไม่รู้ตัว เหตุเกิดเมื่อวันที่ 3 ธ.ค. 60 เวลาประมาณ 11 โมง ที่โรงเรียนเทพมงคลรังษี ที่ขณะนั้นตนเองสอนอยู่ มีการพูดคุยกันนานกว่า 1 ชั่วโมง โดยทนายษิทราได้มากับทีมงานวัยรุ่น 2-3 คน แสดงตัวว่ามาจากดีเอสไอ และบอกว่าเป็นผู้ประสานงานระหว่างตนเองกับลุงจรูญ เพื่อไกล่เกลี่ยเรื่องที่เกิดขึ้น

จากนั้นได้ ขอดูโทรศัพท์ตน เพื่อดูบันทึกการพูดคุยการสั่งซื้อลอตเตอรี่ทางแอปไลน์ ถ้าหากในไลน์มีการสั่งซื้อลอตเตอรี่เลขดังกล่าวจริง จะให้ลุงจรูญ นำเงินมาคืนให้ตนเอง ตนก็ส่งโทรศัพท์ให้ดู พอส่งให้ดูก็เห็นพฤติกรรมเขาแปลกๆ พอตนหยิบโทรศัพท์ เขาก็ถอยหนี ตนก็ถามว่าทำไมต้องดูโทรศัพท์ด้วย เขาก็บอกว่าดูมีหลักฐานการสั่งเลขหรือไม่ ตนก็รู้สึกเหมือนมีแอบถ่าย ครูก็หยิบโทรศัพท์กลับมา เขาบอกว่ามาจากมูลนิธิ มาจากดีเอสไอ แต่พอวันสองวันก็เป็นทนายคนนี้ หลังจากนั้นก็เรื่องก็ดังขึ้น ซึ่งตนจะร้องไปยังคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม เพื่อให้ตรวจสอบคดีหวย 30 ล้านใหม่อีกครั้ง และจะร้องไปยังสภาทนายความ เรื่องมรรยาททนายความ กรณีการกระทำของทนายษิทรา ต่อไป

ขอบคุณข้อมูลจาก ทันข่าวค่ำ เนชั่นทีวี