เมื่อวันที่ 27 เม.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (26 เม.ย.) นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา ให้การต้อนรับ นายสุพจน์ ศรีงามเมือง ผู้ช่วยเลขาธิการสำนักงาน ป.ป.ช.ภาค 2 พร้อมคณะ ในโอกาสที่เดินทางมาดูความคืบหน้าของการก่อสร้างสนามกีฬาแห่งชาติภาคตะวันออก หลังได้รับแจ้งและร้องเรียนว่า สนามกีฬาดังกล่าวถือเป็นโครงการมหากาพย์ที่ใช้ระยะเวลาการก่อสร้างนานถึง 15 ปี ยังไม่แล้วเสร็จ อีกทั้งอุปกรณ์ เครื่องใช้ต่างๆ ก็ชำรุดเสียหาย เนื่องจากขาดการดูแล จึงหารือร่วมกับเมืองพัทยาว่า จะทำงานเชิงรุกและจะร่วมเป็นผู้ดูแลอย่างใกล้ชิด ในการตรวจสอบโครงการ รวมทั้งการจัดทำ TOR การเสนอราคาของผู้รับจ้าง การทำสัญญา การเบิกจ่ายงบประมาณและอื่นๆ ซึ่งจะทำให้โครงการมีความคืบหน้าและจัดทำเสร็จตามเป้าหมาย

นายปรเมศวร์ กล่าวว่า ตั้งแต่เริ่มดำเนินโครงการมาถึงปัจจุบัน ผ่านระยะเวลามานานกว่า 15 ปี ทั้งนี้ เพราะมีปัญหาเรื่องของพื้นสนามที่มีลักษณะเป็นหินขนาดใหญ่ ที่ยากต่อการขุดเจาะ กระทั่งลงนามว่าจ้างทหารช่างมาจัดทำในระยะที่ 2 จำนวนงบประมาณกว่า 536 ล้านบาท ซึ่งก็แล้วเสร็จตามกำหนด ขณะที่การดำเนินการในระยะที่ 3 ที่ใช้งบประมาณ 398 ล้านบาทนั้น พบว่าในระหว่างดำเนินการก็เกิดปัญหาโรคโควิด-19 ระบาด จึงทำให้แรงงานขาดหายไป ก่อนที่ผู้รับเหมาจะละทิ้งงานหลังเบิกงบประมาณไปแล้วจำนวน 12 งวด เป็นเงิน 143.2 ล้านบาท เมืองพัทยาจึงทำการยึดเงินประกันจำนวน 50 ล้านบาท แต่ทางผู้รับเหมามียอดติดค้างอยู่ 80 กว่าล้านบาท จึงมอบหมายให้สำนักงานกฎหมาย แจ้งความดำเนินคดีแล้ว

นายปรเมศวร์ กล่าวต่อว่า สำหรับโครงการต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จตามเป้าหมาย ที่ผ่านมาได้ขออนุมัติงบผูกพัน 3 ปี จากเมืองพัทยา เพื่อว่าจ้างผู้รับเหมามาก่อสร้างต่อให้แล้วเสร็จ โดยงวดแรกได้เสนอขอจัดสรรงบประมาณจำนวน 328 ล้านบาท โดยสภาได้อนุมัติเห็นชอบ และปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนของพัสดุ ก่อนที่จะเตรียมเสนอประกวดราคา และจัดซื้อจัดจ้างผู้รับเหมาในเร็ววันนี้ ซึ่งในโอกาสที่ ป.ป.ช. มาเข้าร่วมตรวจสอบและทำงานคู่ขนานกันไป เพื่อให้โครงการแล้วเสร็จถือเป็นเรื่องดี เพราะจากนี้คงไม่สามารถปล่อยทิ้งไว้ให้มีสภาพลักษณะนี้ได้อีกต่อไป ด้วยถูกปล่อยทิ้งร้าง อุปกรณ์ภายในอาคาร รวมทั้งอุปกรณ์ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ สุขภัณฑ์ ครุภัณฑ์ต่างๆ ถูกปล่อยให้ผุพังไปตามกาลเวลา อีกทั้งยังเป็นที่อยู่อาศัยของคนเร่ร่อนไปโดยปริยายอีกด้วย

ด้านนายสุพจน์ กล่าวว่า การเดินทางมาในครั้งนี้ เป็นการนำมาสื่อมวลชนมาร่วมกิจกรรมเชื่อมสัมพันธ์ และใช้โอกาสนี้มาดูสภาพข้อเท็จจริงของสนามกีฬาภาคตะวัออก ที่มีการร้องเรียนและเป็นข่าวอยู่บ่อยครั้งว่า ผ่านเวลามา 15 ปี ยังดำเนินการไม่แล้วเสร็จ ขณะที่ใช้งบประมาณลงไปดำเนินการไปแล้วจำนวนหลายร้อยล้านบาท ซึ่งจากการตรวจสอบก็พบว่า โครงการถูกปล่อยทิ้งร้างไว้จนเสื่อมโทรม ปัญหาหลักมาจากผู้รับเหมาทิ้งงาน ดังนั้นจากนี้จะได้ร่วมกับเมืองพัทยา ในการบูรณาการเพื่อติดตามตรวจสอบ และดูแลโครงการอย่างใกล้ชิด เพื่อให้สำเร็จตามเป้าหมาย.