จากกรณีที่วานนี้ (4 พ.ค.) พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7 พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิศมัย รอง ผบก.ภ.4 ได้นำตัว พ.ต.ท.วิฑูรย์ รังสิวุฒาภรณ์ หรือ รองอ๊อฟ อดีตสามีแอมเข้าไปพบ นางสรารัตน์ รังสิวุฒาภรณ์ หรือแอม ผู้ต้องหาในคดีฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และข้อหาลักทรัพย์ ในทัณฑสถานหญิงกลาง กรุงเทพฯ หลังเจ้าตัวมั่นใจว่าการสอบปากคำเพิ่มเติมแอมในครั้งนี้ จะทำให้แอมยินยอมสารภาพหรือให้การพนักงานสอบสวน อย่างไรก็ตาม แอมไม่ได้รับสารภาพและยืนยันไม่ให้การใดๆ แต่ได้ขอพบหญิงสาวหนึ่งราย ซึ่งเป็นญาติที่ตัวเองไว้วางใจ ก่อนเตรียมให้การทั้งหมดกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ในวันที่ 6 พ.ค.นี้

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 5 พ.ค. ที่ทัณฑสถานหญิงกลาง น.ส.ธันย์นิชา เอกสุวรรณวัฒน์ ทนายความซึ่งเป็นคนที่แอมขอพบ เดินทางมาด้วยรถยนต์ส่วนตัว โดยเปิดเผยกับสื่อมวลชนก่อนเข้าไปพบแอม ว่า เมื่อวานได้รับการติดต่อจากพนักงานสอบสวนให้เข้ามาพบแอมที่เรือนจำ เพราะแอมต้องการพบ คาดว่าให้มาพบเรื่องการแจ้งสิทธิซึ่งตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้คุยกับแอม แอมยืนยันว่า ไม่ได้กระทำความผิด ดังนั้นโอกาสที่จะรับสารภาพยากมาก เพราะตามหลักกฎหมายต้องดูว่าโจทก์มีพยานอะไรบ้าง

เมื่อถามว่าจากหลักฐานที่ปรากฏตามสื่อ มั่นใจหรือไม่ว่าหลักฐานเหล่านี้แอมจะรอดจากข้อกล่าวหาทั้งหมด ทนายแอม ระบุว่า ในส่วนของคดีคุณก้อย สามารถสู้ได้ เพราะก่อนหน้าที่จะรับทำคดีมีการเก็บพยานหลักฐาน และภาพต่างๆ ที่สื่อออกนำเสนอเป็นเพียงแค่บางส่วน แต่มีอีกมุมหนึ่งที่ทนายเห็นแต่คนอื่นไม่เห็น และคดีอื่นๆ ยังไม่ตรวจสอบข้อเท็จจริง ยืนยันจะรับทำคดีให้แอมทุกคดี โดยคดีนี้มีโทษสูงสุดถึงประหารชีวิต ดังนั้น ตนต้องมีความเข้มแข็งพอสมควร

ส่วนกรณีที่ว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่แอมจะรับสารภาพ และเปลี่ยนคำให้การหลังคุยกับทนายแล้ว ทนาย ระบุว่า วันนี้จะเข้าไปแจ้งสิทธิ และรายละเอียดให้แอมทราบพอคร่าวๆ แต่คดีของคุณก้อยไม่รับสารภาพอยู่แล้ว เพราะจากการตรวจดูหลักฐานพบว่า แอมไม่ได้ทำจริง ส่วนคดีอื่นๆ ต้องขอคุยกับแอมก่อน

ในเรื่องของมรรยาททนายความ ไม่ว่าจะเป็นทนายในฝ่ายโจทก์ หรือฝ่ายจำเลยก็ตาม เรามีหน้าที่ในการผดุงความยุติธรรม สิ่งใดที่เป็นประโยชน์ก็ต้องบอกลูกความ และมีหน้าที่ในการปกป้องผลประโยชน์แม้ว่าจะเป็นจำเลยก็ตามแม้เป็นจำเลย แต่ตราบใดที่ศาลยังไม่สั่งฟ้อง ฉะนั้นทุกคนจะถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์

ต่อมาเวลา 12.00 น. ทนายธันย์นิชา ได้ออกมาเปิดเผยภายหลังเข้าพบนางสรารัตน์กว่า 1 ชม. ว่า วันนี้ถือว่าตนได้เข้าพบกับแอมเป็นวันที่สอง โดยวันแรกเป็นวันพุธที่ 3 พ.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งแอมยังคงปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และเจ้าตัวประสงค์จะขอให้การในชั้นศาลเท่านั้น พร้อมบอกว่าไม่ต้องให้ใครมารบกวนเข้าเยี่ยมอีกนอกจากทนายความ เพราะกลัวแท้งลูก เนื่องจากต้องเดินลงมาบ่อย รอเจอในชั้นศาลทีเดียว ส่วนในวันพรุ่งนี้ที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. จะเข้าสอบปากคำนั้น ก็ยืนยันยังจะไม่ให้การใดๆ เว้นแต่จะให้การในชั้นศาล อย่างไรก็ตาม ตนมองว่าโทษคดีนี้หากถูกสั่งประหารชีวิตก็จะได้เพียงชีวิตเดียว หากจำคุกตลอดชีวิต ก็จะต่อโทษไปอีกเรื่อยๆ ซึ่งแอมยืนยันจะปฏิเสธ โดยไม่รับสารภาพคดีใด ทั้งนี้ ตนก็แนะนำให้ลูกความได้ดูพยานหลักฐานของคดีต่างๆก่อน แต่คดีของ น.ส.ก้อย ถือว่าจบแล้ว จะไปเริ่มค้นหาหลักฐานในคดีอื่นๆ ทั้งหมด 14 คดี เพราะยังแจ้งข้อหาไม่ครบ

เมื่อถามว่าหนักใจหรือไม่หากท้ายที่สุดศาลตัดสินประหารชีวิตแอม โดยทนายธันย์นิชา ยืนยันว่า ไม่หนักใจ เพราะศาลมี 3 ชั้น แม้จะแพ้คดีที่ศาลชั้นต้นและอุทธรณ์ ก็สามารถขอฎีกาได้ภายหลัง อีกทั้งไม่รู้สึกท้อ ส่วนแอมเองยังให้กำลังใจตัวเองบอกให้สู้ และถามด้วยว่าเหนื่อยไหม ตนก็บอกว่าไม่เหนื่อย เพราะยังทำคดีอื่นควบคู่ไปด้วย อย่างไรก็ตาม แอมยังมีความเครียดที่อดีตสามี รอง ผกก.(สอบสวน) มาหาวานนี้ ซึ่งได้พูดคุยกันเฉพาะเรื่องความเดือดร้อนของครอบครัว แต่ไม่ได้มีการเกลี้ยกล่อมให้รับสารภาพ โดยแอมยังบอกว่าดีใจที่ลูกสาวได้ย้ายไปอยู่อีกจังหวัด พร้อมกันนี้ยังยืนยันว่าตัวเองไม่ได้ว่าความให้ฟรี ไม่ฉะนั้นจะถือว่าผิดมรรยาททนายความด้วย.