สวัสดีค่ะท่านผู้อ่านทุกท่าน วนมาพบกับพวกเรา “ชาวบ้าน 1/4” กันอีกแล้วนะคะ สัปดาห์นี้ก็ไม่พลาดที่จะมาทุกท่านไปพูดถึงประเด็นดราม่าบนโลกออนไลน์ที่มักจะถูกพูดถึงเกือบจะแทบทุกครั้งที่มีการเปิดตัวภาพยนตร์อนิเมชั่น เพราะหลายคนจะจดจ่อคอยติดตามว่าใครจะมารับหน้าที่ “พากย์เสียงภาษาไทย” ให้ตัวละครชื่อดังบ้าง และหลายๆ ครั้งหลังจากการประกาศชื่อก็มักจะมีดราม่าตามมาตลอด เพราะผู้ที่ได้ทำหน้าที่พากย์เสียงเป็นจะเหล่า “ดารา ศิลปิน หรือเน็ตไอดอลคนดัง” มากกว่าที่จะเป็น “นักพากย์มืออาชีพ” จนเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า เขาหรือเธอคนนั้นเหมาะสมกับคาแรกเตอร์นั้นหรือไม่

ซึ่งพักหลังๆ มานี้ผู้นำเข้าภาพยนตร์และแอนิเมชั่นต่างประเทศหลายเรื่องมักจะดึงดารา นักร้อง คนดัง รวมไปถึงเน็ตไอดอลต่างๆ มาเป็นคนพากย์ให้เสียงภาษาไทย เพื่อเพิ่มความสนใจให้กับแฟนๆ รวมไปถึงภาพยนตร์ไลฟ์แอ๊คชันที่ดัดแปลงจากฉบับภาพยนตร์แอนิเมชั่นปี 1989 อย่างเรื่อง “The Little Mermaid เงือกน้อยผจญภัย” ที่ได้นักร้องสาวเสียงดีอย่าง “โบกี้ไลอ้อน” มาพากย์เสียงเป็นตัวละครหลัก “เจ้าหญิงแอเรียล” ซึ่งก็มีทั้งคนที่ดีใจ สนับสนุน แต่บางส่วนก็รู้สึกไม่ปลื้ม ไม่ชอบ เพราะคิดว่าเสียงไม่เข้า รวมไปถึง “อูน ชนิสรา” เจ้าของเพลงฮิต “เฮอร์ไมโอน้อง” ก็ได้ร่วมพากย์เสียงตัวละครพี่สาวของแอเรียล ทำเอาชาวเน็ตบางส่วนวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสมว่าที่ได้รับพากษ์เสียงนั้น เป็นเพราะเธอมี “อภิสิทธิ์ชน” ใช่หรือไม่ และเพราะเหตุใดจึง “ไม่ใช้นักพากษ์มืออาชีพ” แล้วต่อไปคนพากษ์เสียงมืออาชีพ จะถูกลดคุณค่าหรือไม่ จนลามไปสู่การตั้งคำถามเดียวกันถึงสาวโบกี้ไลอ้อนด้วย

ซึ่งเมื่อเกิดดราม่าดังกล่าวขึ้นมา โบกี้ไออ้อน ก็ได้ออกมาโพสต์โดยระบุว่า “ขอบคุณสำหรับทุกความคิดเห็น โบได้อ่านแทบจะทั้งหมด และเข้าใจในทุกเห็นต่าง ในเรื่องการแคสต์คนพากย์ในครั้งนี้ โบขอน้อมรับทั้งหมดไว้ด้วยใจเลยค่ะ ไม่ใช่แค่พวกคุณที่ลุ้นว่าทุกอย่างจะออกมาได้ดีไหม จะเข้ากันกับของสากลไหม เสียงโบจะแหบไปไหม นี่คือสิ่งที่โบก็กังวลและปรึกษากับทีมดิสนีย์อยู่เสมอตั้งแต่วันแรก ด้วยความเป็นแฟนดิสนีย์อย่างสัตย์จริง ถึงโบจะได้รับโอกาสในครั้งนี้ จากการแคสต์ แต่สุดท้ายแล้วถ้าโอกาสนั้นๆ ไม่ได้เหมาะสมกับโบ โบเชื่อว่าตัวโบเองก็จะไม่ปล่อยให้ตัวเองได้รับโอกาสนั้นค่ะ แต่ครั้งนี้ โบขอน้อมรับโอกาสนี้ไว้ โบเชื่อใจในดิสนีย์และทีมจริงๆ ค่ะ ว่าได้เลือกในสิ่งที่เหมาะสมแล้ว”

ขณะที่ อูน ชนิสร ก็ออกมาโพสต์ด้วยเช่นกันว่า “เราเชื่อว่าทีมรับรู้ในความรักที่เรามีให้ Disney และเราดีใจแค่ไหนที่ได้ทำงานนี้ แต่ก็จะย้ำกันเองเสมอว่าสุดท้ายมันไม่ใช่ว่าเราชอบอะไรหรือเราเป็นใคร ทีมพากย์กับทีมธุรกิจแยกกัน ทีมฝั่งลิขสิทธิ์ก็รู้พร้อมๆ ทุกคนเลยค่ะ เราเชื่อมือทีมมากๆ เราว่ามันจะออกมาสวยงาม พี่ๆ ทีมพากย์ทุกคนให้เอเนอร์จี้กันแบบสุดยอดมาก หนูยอมใจ กระแสหนังมีคนที่ยังติดกับภาพการ์ตูนเก่า และคนที่พร้อมดูแบบใหม่ เรา respect ทั้งสองฝ่าย ใครไม่โอเคมันเป็นสิทธิของเค้าจริงๆ ส่วนเราเองพูดมาเสมอว่าดีใจจริงๆ ที่เป็นนางเอกคนนี้ ยิ่งเห็น teaser คือนับวันรอเลยค่ะ”

อย่างไรก็ตาม ประเด็นดราม่าในครั้งนี้ ไม่ได้เป็นเพียงครั้งแรกที่เกิดขึ้นกับการรับหน้าที่พากย์เสียงภาษาไทย แต่อย่างที่บอกว่ามันเกิดขึ้นแทบทุกครั้งที่มีการประกาศรายชื่อ ซึ่งก็มีหลายคนที่รับหน้าที่นี้แล้ว “แฟนๆ ต่างพากันชื่นชม” แต่ก็มีอีกหลายคนที่พากย์เสียงแล้ว “เข้าไม่ถึงคาแรกเตอร์” จนแฟนๆ ต่างพากันเทหนัง ไม่อยากจะเข้าไปรับชม จนมีการ “ตั้งแง่” ทุกครั้งที่มีรายชื่อของเหล่าดาราคนดังรับหน้าที่พากย์เสียงตัวละครที่ชื่นชอบ กลัวจะ “ทำลายอรรถรสการรับชม” แต่อย่าลืมเลยว่าสิ่งที่ค่ายหนังเองต้องการประการแรกก็เห็นจะไม่พ้นการต้องการให้หนังเรื่องนั้นๆ “เป็นข่าวจากความมีชื่อเสียง” ถัดมาก็เห็นจะเป็นคนดูหนังที่มาจาก “ฐานแฟนคลับของคนบันเทิง” เหล่านั้นนั่นเอง

แต่ก็อย่าลืมว่าการพากย์เสียงไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องอาศัย “ประสบการณ์และการฝึกฝน” ดังนั้น คงจะโทษถึงตัวดาราที่ให้เสียงพากย์ได้ไม่ดีตามความคาดหวังคงจะไม่ได้ ซึ่งสุดท้ายแล้วก็ขึ้นอยู่กับ “เจ้าของเงิน” ที่จะเลือกให้กระแสเบนไปในทิศทางไหน แต่เชื่อเลยว่าสิ่งที่หลายๆ ค่ายเลือก และยิ่งเป็นค่ายใหญ่ระดับโลกแล้วนั้นต้องมี “เหตุผลมากพอ” ที่จะตัดสินใจ และคิดอย่างไตร่ตรองในทุกขั้นตอนอยู่แล้ว ว่าเหมาะสมหรือไม่ รวมไปถึงการที่พวกเขาคงไม่เสี่ยงเอา “ภาพลักษณ์ชื่อเสียง” ที่มีมาอย่างยาวนาน “มาแลกกับกระแส” ที่มันอยู่ได้แค่ชั่วคราวไม่จีรังยั่งยืนแน่นอนจ้า..

ภาพ : Walt Disney Studios, bowkylion, thechanisara

———————————————
คอลัมน์ “คันปากอยากเมาท์”
โดย “เมี้ยนฤดี”