นายอธิภู จิตรานุเคราะห์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางราง (ขร.) เปิดเผยว่า ขร. ได้ดำเนินโครงการศึกษา ออกแบบ และพัฒนาระบบฐานข้อมูลผู้ประกอบการ และการออกใบอนุญาตด้านการขนส่งทางรางผ่านระบบดิจิทัล (e-license R) ซึ่งเป็นโครงการที่จะดำเนินการออกใบอนุญาตผู้ประกอบกิจการขนส่งทางราง ใบอนุญาตพนักงานขับรถไฟ รถไฟฟ้า รถไฟความเร็วสูง และผู้ประจำหน้าที่ ตลอดจนการจดทะเบียนรถขนส่งทางรางครั้งแรกของประเทศไทย เพื่อให้สอดคล้องตามร่างพระราชบัญญัติการขนส่งทางราง พ.ศ. ….

ดังนั้นเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมการดำเนินการออกใบอนุญาตด้านการขนส่งทางรางผ่านระบบดิจิทัล ขร. จึงได้ศึกษารูปแบบการกำกับดูแลระบบรางของประเทศต่างๆ เพื่อนำมาเป็นองค์ความรู้ และเป็นแนวทางในการนำมาปรับใช้กับระบบขนส่งทางรางของไทย โดยได้นำคณะเจ้าหน้าที่ร่วมศึกษาระบบขนส่งทางรางของไต้หวัน พบว่า ไต้หวัน แบ่งประเภทหน่วยงานกำกับดูแลเป็น 2 ประเภท ประกอบด้วย

1. ระบบขนส่งทางรางระหว่างเมือง ซึ่งมีผู้ให้บริการ 2 ราย ประกอบด้วย รถไฟระหว่างเมือง (TRA) และรถไฟความเร็วสูง (THSR) ซึ่งมีการกำกับดูแลโดย Railway Bureau (กรมการขนส่งทางรางของไต้หวัน) โดยในไต้หวัน เจ้าหน้าที่ขับรถไฟ ต้องมีอายุขั้นต่ำ 18 ปี ผ่านการฝึกอบรมอย่างน้อย 2 ปี สำหรับรถไฟระหว่างเมือง และ 8 เดือน สำหรับรถไฟความเร็วสูง จากนั้นจึงเข้ารับการทดสอบข้อเขียน และภาคปฏิบัติจาก Railway Bureau เพื่อขอรับใบอนุญาต เมื่อได้รับใบอนุญาตแล้ว ใบอนุญาตมีอายุ 6 ปี และทบทวนความรู้อย่างน้อย 1 ครั้งใน 3 ปี และต้องสอบใหม่หากใบอนุญาตหมดอายุมากกว่า 6 เดือน ในส่วนของการบำรุงรักษารถขนส่งทางราง ผู้ให้บริการเมื่อสั่งซื้อรถมาแล้ว จะมีการขออนุมัติแผนการบำรุงรักษาจาก Railway Bureau และ Railway Bureau จะมีการสุ่มตรวจสอบการบำรุงรักษารถอย่างต่อเนื่องเป็นระยะ

2. ในส่วนของระบบรถไฟฟ้าในเมือง มีผู้ให้บริการขนส่งทางราง 5 ราย โดยในเมืองไทเปมีผู้ให้บริการ 1 ราย คือ Taipei Rapid Transit corporation ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจของรัฐบาลท้องถิ่น ดูแลการให้บริการของรถไฟฟ้าในไทเป โดยก่อนจะประกอบกิจการขนส่งทางราง ต้องได้รับใบอนุญาตจากหน่วยงานกำกับดูแล และบุคลากรที่ปฎิบัติงานในศูนย์ควบคุมการเดินรถ หรือพนักงานขับรถต้องได้รับการฝึกอบรม และทดสอบก่อนการปฏิบัติงานเช่นเดียวกับรถไฟระหว่างเมือง

นายอธิภู กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ไต้หวันได้นำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินรถ เช่น การติดตั้งระบบเซ็นเซอร์ตรวจจับปริมาณของผู้โดยสารภายในขบวนรถ และแสดงข้อมูลผ่านแอปพลิเคชัน เพื่อประกอบการตัดสินใจในการเพิ่มขบวนรถเสริมในช่วงเวลาเร่งด่วน มีการใช้ระบบ AI เพื่อทำนายสภาพความพร้อมของอุปกรณ์ต่างๆ เช่น อุปกรณ์ภายในขบวนรถ อุปกรณ์ภายในสถานี ฯลฯ เพื่อเป็นข้อมูลในการวางแผนการซ่อมบำรุง ส่งผลให้รถไฟมีความตรงเวลาสูงถึง 99.99% และมีความพึงพอใจของผู้ใช้บริการมากกว่า 95%

ทั้งนี้ โครงการศึกษา ออกแบบ และพัฒนาระบบฐานข้อมูลผู้ประกอบการ และการออกใบอนุญาตด้านการขนส่งทางรางผ่านระบบดิจิทัล (e-license R) จะทำการศึกษาแนวทางการกำกับดูแลในต่างประเทศที่มีความก้าวหน้าในระบบราง และระบบกำกับดูแล เพื่อนำมาประกอบการพัฒนาระบบขนส่งทางรางให้ปลอดภัย สะดวก รวดเร็ว ตรงเวลา เทียบเท่ามาตรฐานของสากล.