ออกมาเปิดใจครั้งแรกสำหรับสาวสวย ยู่ยี่ อลิสา ที่ขอควงเพื่อนซี๊ ป๋าต๊อบ ปฏิญญา มาเปิดใจหลังพ้นโทษออกมาจากเรือนจำ พร้อมย้อนเล่าเหตุการณ์เข้าไปพัวพันกับยาเสพติด จนชีวิตพลิกผันต้องโทษนานกว่า 7 ปี  เผยบทเรียนครั้งใหญ่ในชีวิต และอาการป่วยเป็นโรคซึมเศร้า ถึงขนาดทำร้ายตัวเอง ทุกประเด็นในรายการคุยแซ่บshow แบบจัดเต็ม

ยู่ยี่ เผยว่า “เรื่องมาออกรายการยี่รู้สึกว่ายี่พร้อมแล้วที่จะออกรายการ ในช่วงระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมามันคือช่วงดูแลใจตัวเอง ให้ถึงเวลานี้ ว่าพร้อมแล้วที่จะเจอกับคน กับคำถาม กับเรื่องราวที่มีมา อยากจะเล่าให้ฟัง จุดพลิกผันยาเสพติดตกใจมาก ที่ศาลตัดสินจริงๆคือ 15 ปี 3 เดือน แล้วเค้าไม่ให้ประกัน ซึ่งเป็นโทษสูง แล้วยานิดเดียวมาก ถ้าเป็นคนอื่นติดเสพ แต่เราอยู่ในสนามบินเค้าเอาเรานำเข้า มันช็อคมาก พี่ต๊อบเองก็ช็อค เพราะไม่มีใครคิดว่าเป็นแบบนั้น ไม่มีลดโทษเลยทั้ง 3 ศาล แฟนบอกว่าเหมือนเราทั้งครอบครัวถูกลักพาตัวไป แม่อยู่ทางนึง ลูกกับพ่อก็อยู่อีกทางนึง มันทำอะไรไม่ได้ ด้วยความที่เราปล่อยวางไม่ได้ เรามีแต่ความรู้สึกว่าอยากจะออก ลูกเรายังเล็ก 2 ขวบครึ่ง เค้าจำไม่ได้เลยว่าเราเป็นแม่ ทุกวันมันทรมานที่ว่าเราถูกจับแยกออกไป แล้วมันไม่ใช่คดีที่ใหญ่โตขนาดนั้น ความยอมรับไม่มี ความรับไม่ได้เลยเกิดขึ้น ช่วงแรกที่เข้าไปจิตใจย่ำแย่ ร้องไห้ตลอดเวลา เรียกร้องไม่ได้ เป็นปีๆ จนถึงวันสุดท้ายที่ออกมาก็ไม่รู้สึกว่าปล่อยวางได้ แต่ช่วงนั้นยี่ป่วยหาหมอจิตเวช จำเป็นต้องใช้ยามาช่วยภาวะซึมเศร้า ตอนที่ออกมาก็รักษาต่อเนื่อง นี่คือ 3 ปีที่ออกมาไม่ได้รับงาน แล้วทำงานกับพี่ต๊อบ เจอเรื่องใหม่ๆตั้งแต่ที่เราออกมา พี่ต๊อบช่วยดูแลจนตอนนี้ค่อยๆลดยาจนที่กินมาเลิกใช้”

“ยี่เห็นคนในยามที่แย่ที่สุด เรารู้เข้าไปมันทรมานแค่ไหน ยี่ทำงานในโรงพยาบาลในนั้น มนุษย์ไม่ว่าจะมาจากที่สูงหรือที่ต่ำมีค่าเท่ากันหมด คนที่อยู่ในนั้นลำบากสถานที่มันเล็กมาก แออัด แล้วบางคนเข้าป่วยเป็นโรคมะเร็ง  ยี่ไม่เคยรังเกียจเค้าเลย ยี่ถือว่ายี่ไม่มีอะไรต้องกลัวอีกแล้ว เราอยู่และเห็นเรื่องราวพวกนี้ ที่เราทุกข์ทุกข์กว่าเราก็มี ในแง่ความเป็นอยู่ไม่ต้องการอะไร แต่ในจิตใจมันอีกเรื่องนึง เราโหยหาลูกตลอด 7 ปีวางไม่ลงเพราะเรื่องลูกนี่แหละ เราออกจากวงการไปพักนึงมีลูกมีครอบครัวดูแลเค้า วันนึงไม่มีเค้า กอดไม่ได้ หอมไม่ได้ มันเหมือนชีวิตเราทั้งชีวิต ตัวเราเข้าไปจิตใจเราเข้าไป แต่อีกครึ่งนึงของเรามันอยู่ข้างนอก มันไม่ครบไม่สมบูรณ์ โดยเฉพาะเรายอมรับสิ่งที่มันเกิดขึ้นไม่ได้ เราทำใจไม่ได้จริงๆ มีโอกาสเจอลูกๆค่า พี่ต๊อบพาไป คุณพ่อเค้าก็พาไปบ้าง ที่เยี่ยมญาติใกล้ชิด ครั้งแรกรู้สึกตื่นเต้นมากก่อนที่จะได้เจอ รู้สึกเหมือนฝัน เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุด มีความสุขมาก ลุกก็จะกอดนานๆ กอดไม่ปล่อย พอหมดเวลารู้สึกว่าใจเราตกลงไปเลย มองเค้าจนกว่าเค้าจะเดินกันกลับ บอกแค่ว่าเรารักเค้ามาก เค้าก็ดีใจที่ได้เจอ”

ยู่ยี่ เผยต่อว่า “สภาวะเครียดตอนอยู่เรือนจำมาจากความคิดถึง วางไม่ลง ยอมรับไม่ได้นี่แหละค่ะ  ยี่รู้สึกแย่ที่ต้องให้ลูกมาเห็นเราร้องไห้ แต่มันอดไม่ได้ เหมือนน้ำตามันไหลอยู่ตลอดเวลา ลูกเค้าก็แอบไปร้องไห้เหมือนกัน ทำให้ก้าวร้าวตอนอยู่ข้างใน มันมีความโมโห หงุดหงิด ร้องไห้ ทุกอย่างเศร้าไปเลย หรือไม่ก็โมโหไม่ยุ่งกับใคร นานค่ะค่อยๆปรับตัวเอง พูดคุยกับคน ช่วยเหลือคน ตั้งมั่นไว้ว่าจะเป็นคนดีไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เรารู้ว่าข้างในมันอยู่ลำบาก เราได้อยู่กับคนป่วยมันช่วยให้ใจเราอ่อนลง เราได้ทำประเมินและตัวเราเองด้วย เราไม่เห็นคนอื่นเป็นแบบเราโมโหตลอดเวลาและร้องไห้ ทุรนทุรายมาก เรารู้สึกว่ามันแย่ไปหมดต้องหาตัวช่วย รับยาตัวแรงที่สุดทานอยู่หลายปีจนออกมาก็ยังทาน เพิ่งมาลดตอนอยู่ข้างนอก ตอนนี้ไม่ได้ใช้แล้ว เรื่องกลับเข้ามาวงการ พร้อมนะคะ ค่อนข้างพร้อมมากๆเลย เพราะดูแลตัวเองมาหลายปีละ  ดีที่ครอบครัวกับพี่ต๊อบช่วย พร้อมเมื่อไหร่ให้ไปให้เต็มที่”


ป๋าต๊อบ  เผยว่า “ซัพพอร์ต เรื่องเกี่ยวกับทางด้านจิตใจ เค้าก็ซัพพอร์ตพี่ด้วย เป็นคนช่วยกันคิด ช่วยกันทำ เป็นเพื่อนคนนึง แฟนพี่ดีด้วยปีใหม่จะคอยบอก ไม่ไปเยี่ยมพี่ยี่หรอ ไปเยี่ยมพี่ยี่มั้ย มีช่วงไม่ได้ไปหางอนกันนิดหน่อย แต่เวลาไม่ได้ไปหาก็เหมือนมีอะไรขาดไป เรื่องลูกเขาเราก็ซัพพอร์ตหลาน เพราะเห็นว่าหลานๆควรมีความหวังบ้าง ไม่งั้นหลานจะลากไปติดกับเรื่องของผู้ใหญ่เสมอๆ แล้วเค้าก็คิดถึงแม่ คนเล็กไม่ใช่จำไม่ได้ มีฝันร้ายตื่นมาเรียกมาม๊าอยู่บ่อยๆ มันมีอะไรขาดไปสักอย่างอ้อมอกใครสักคน พยายามไปทดแทนสิ่งเหล่านั้นให้เค้าบ้าง พี่ก็ทำทุกอย่างตอนเขาไม่อยู่ ก็พยายามในสิ่งที่เด็กๆขาด ก็ให้ปีใหม่ช่วยด้วย พี่พยายามเป็นผู้หญิงสุดฤทธิ์เลย สปอยหลาน จนพ่อเค้าด่าเอา เงินไม่สามารถทดแทนสิ่งที่เค้าขาดได้ แต่อย่างน้อยเวลาที่เค้ามีความสุขสนุกกับสิ่งที่เค้าเล่นเค้าจะได้ลืมทุกข์ซะบ้าง เพราะเด็กก็ควรเป็นเด็ก”

“พี่รู้จักกับยี่มานานแล้ว สมัยก่อนมักเจอกันสถานที่มืดๆ ยิ่งมืดยิ่งเจอกันบ่อย สนิทจริงๆตอนที่เค้ามาฟื้นฟูนี่แหละ ใครก็ตามที่ตบเท้าบอกตัวเองว่าฉันต้องเปลี่ยนแปลง ได้ความนับถือจากพี่ไปทันที เค้าเดินเข้ามา พร้อมเปลี่ยนแปลงตัวเอง เป็นเพื่อนเคยรู้จักกันด้วย เค้าอยู่ในกลุ่มที่เรียกว่าหนัก พอเค้าหลุดออกมามาเจอเค้าก็แบบเจ๋งวะ จริงๆแล้วพี่เป็นคนรักมนุษย์ที่ยอมรับตัวเองและเปลี่ยนแปลง พี่รักเค้าตรงนี้ ลูกๆนี่หลงมากๆ”