เมื่อวันพุธที่ 24 พ.ค. นายทรัพย์ทวี กุลสารี นายก อบต.ท่ากระดาน จ.ฉะเชิงเทรา ร.อ.สุระ โสรักนิษฐ์ ผู้บังคับการกองร้อยทหารพรานที่ 1306 นายธวัชชัย ช้างสาร หัวหน้าชุดเคลื่อนที่เร็วของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน พร้อมอาสาสมัครชุดเฝ้าระวังช้างป่า อบต.ท่ากระดาน ร่วมนำทีมสัตวแพทย์ศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ป่าที่ 2 (กระบกคู่) อ.ท่าตะเกียบ ฝ่ายปกครอง ตำรวจ สภ.สนามชัยเขต และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงผู้สื่อข่าวหลายสำนัก รุดเข้าป่า 500 ไร่ หมู่ 21 บ้านคลองเตย ต.ท่ากระดาน อ.สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา เพื่อตรวจพิสูจน์ซากช้างป่า พบว่ามีฝูงผีเสื้อบินตอมกินซากช้างป่า นายกท่ากระดาน ยืนยันช้างชนกันเองตายกลางป่า

สืบเนื่องจาก นายทรัพย์ทวี กุลสารี นายก อบต.ท่ากระดาน รับแจ้งจากชาวบ้านที่ไปหาเก็บผักในป่า ว่ามีช้างป่าตายนอนขึ้นอืด ส่งกลิ่นเหม็นตลบอบอวล อยู่กลางป่า 500 ไร่ จึงประสาน ร.อ.สุระ โสรักนิษฐ์ ผู้บังคับการกองร้อยทหารพรานที่ 1306 นายธวัชชัย ช้างสาร หัวหน้าชุดเคลื่อนที่เร็วของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน พร้อมอาสาสมัครชุดเฝ้าระวังช้างป่า อบต.ท่ากระดาน ร่วมตรวจสอบเบื้องต้น แต่ต้องยุติในเวลา 19.30 น. ของวันที่ 23 พ.ค. ที่ผ่านมา เพื่อความปลอดภัยของทุกคน เพราะมืดค่ำแล้ว และเป็นเวลาที่โขลงช้างป่าจะเดินผ่านมาในป่า 500 ไร่ ในการหากิน

ต่อมาวันนี้ เวลา 13.00 น. ทีมหมอ สัตวแพทย์จากศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ป่าที่ 2 (กระบกคู่) อ.ท่าตะเกียบ ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมเข้าป่า 500 ไร่ ที่ทุกลักทุเลมาก และพบว่ามีผีเสื้อจำนวนมหาศาล หนอน ตอมกินซากช้างป่าตามธรรมชาติวิถีสัตว์ป่า ทำให้ผ่อนคลายไปจากกลิ่นที่เหม็นตลบอบอวล ด้าน นายทรัพย์ทวี กุลสารี นายก อบต.ท่ากระดาน ได้พูดตรงๆ กับหมอ ทหารพรานที่ 1306 เจ้าหน้าที่อนุรักษ์ หลังพิสูจน์เสร็จว่า จริงๆ แล้วช้างป่าที่ตายไม่ใช่เพศเมีย แต่เป็นเพศผู้ เรียกว่าช้างป่าสีดอโหนก อายุ 6-7 ปี น้ำหนักประมาณ 3,500 กก. และคาดว่าเปิดศึกชนกันกับช้างป่าตัวอื่นๆ แล้วบาดเจ็บมาล้มกลางป่าดังกล่าว

ทั้งนี้ นายทรัพย์ทวี กุลสารี นายก อบต.ท่ากระดาน ยังพาผู้สื่อข่าวไปยังจุดที่มักจะพบช้างป่าสองโขลงที่มักชนกัน เพื่อแย่งชิงพื้นที่หากิน บริเวณถนนทางหลวงชนบท 4022 ช่วงบ้านคลองเตย ต.ท่ากระดาน อ.สนามชัยเขต โดยเมื่อไม่กี่เดือนมานี้ จ่าฝูงอย่างเจ้างาบิด ที่ดูแลช้างป่า 50 กว่าตัว ถูกช้างป่าสีดอ จ่าฝูงโขลงช้างป่า 100 กว่าตัว ใช้งาแทงตายในป่า 500 ไร่ ห่างจากจุดที่พบช้างป่าสีดอโหนก ตัวนี้เพียง 300 เมตร และการที่ทำไมถึงเพิ่งเข้าพิสูจน์ตอนบ่าย ก็เพื่อความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ เพราะรอให้แน่ใจว่า ช้างป่าโขลงใหญ่ออกจากป่าไปหมดแล้ว ทางหมอ ทีมสัตวแพทย์หน่วยกระบกคู่ จึงดำเนินการตามขั้นตอนฝังกลบต่อไป