กรณีที่เมืองพัทยามีคำสั่งห้ามใช้ ต่อเติม ระงับ และห้ามใช้อาคาร ตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร 3 หลัง บ้านสุขาวดี ต.นาเกลือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ซึ่งมีการฟ้องร้องและอุทธรณ์กันตั้งแต่ระดับจังหวัดไปจนถึงการฟ้องร้องที่ศาลปกครอง ว่าเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดย “บ้านสุขาวดี” ให้เหตุผลว่าอาคารดังกล่าวตั้งอยู่พื้นที่งอกที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ แต่เมืองพัทยามั่นใจว่าจากแนวเขตการรังวัดและภาพถ่ายทางอากาศนั้นเป็นการบุกรุกพื้นที่สาธารณะอย่างแน่นอน จึงเป็นข้อพิพาทเพื่อรอผลการตรวจสอบต่อมาศาลปกครองมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวเพื่อตรวจสอบ และล่าสุดมีการคำสั่งยกเลิกการคุ้มครอง เมืองพัทยาจึงเร่งรัดเข้ามาดำเนินการทุบอาคารเพื่อรอรื้อทำลาย เมื่อวันที่ 30 พ.ค. ที่ผ่านมา ตามที่ได้เสนอข่าวมาอย่างต่อเนื่องแล้วนั้น

ยกเลิกคุ้มครอง! ทุบ ‘บ้านสุขาวดี’ บุกรุกที่สาธารณะริมทะเลเมืองพัทยา

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 2 มิ.ย. นายสุริยา แก้วเขียว ผอ.ส่วนควบคุมอาคารเมืองพัทยา พร้อมด้วย นายคริส เชิดสุริยา หัวหน้าฝ่ายควบคุมอาคาร นายมารุต อุทัยวัฒนานนท์ วิศวกรโยธาชำนาญการ นายเกียรติศักดิ์ คงเขียว วิศวกรโยธาชำนาญการ นายกฤษฎาสิทธิ์ เกษจินดา นายช่างโยธา นายชัยวัฒน์ แจ้งสว่าง นายช่างโยธาชำนาญการกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางละมุง และเจ้าหน้าที่สำนักการช่างเมืองพัทยา นำกำลังกว่า 20 คน พร้อมอุปกรณ์และเครื่องจักรหนัก อาทิ รถแบ๊กโฮ รถบรรทุก มายัง บ้านสุขาวดี อีกครั้ง เพื่อรื้อถอนอาคาร ระหว่างที่รอช่วงเวลาในขบวนการจัดซื้อ-จัดจ้างตามกฎหมาย เพื่อให้ภาคเอกชนเข้ามารับเหมางานรื้อถอนอาคารทั้งหมดออกจากพื้นที่ไปอย่างเป็นรูปธรรม

นายสุริยา ระบุว่า อาคารดังกล่าวถือว่าสิ้นสุดขบวนการไปแล้วหลังศาลปกครองยกเลิกการคุ้มครอง ด้วยพบว่าเป็นอาคารที่ปลูกสร้างโดยไม่ได้รับอนุญาต และอยู่ในพื้นที่พิพาทเพื่อรอพิสูจน์ทราบว่าที่ดินสาธารณะ ขนาด 11 ไร่ 1 งานหรือไม่ โดยในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา เมืองพัทยาจึงนำกำลังพร้อมอุปกรณ์เข้ามาทำการรื้อถอน ตัดน้ำ-ตัดไฟ พร้อมมีคำสั่งห้ามการก่อสร้าง ต่อเติม หรือใช้อาคาร ตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร อย่างเข้มงวด แต่ปรากฏว่าช่วงสายวันนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้ลงมาตรวจพื้นที่กลับพบว่าทาง “บ้านสุขาวดี” มีการกระทำที่ฝ่าฝืนคำสั่ง

โดยพบว่ามีการมอบหมายให้คนงานเข้ามาทำการซ่อมแซม และปรับปรุงอาคาร รวมทั้งเวทีการแสดงที่เมืองพัทยาได้ทุบทำลายไปบางส่วนเพื่อนำกลับมาใช้งานใหม่ ทางเจ้าหน้าที่จึงได้นำเรื่องเข้ารายงานต่อเมืองพัทยา กระทั่งมีการหารือพร้อมขนสรรพกำลังเข้ามารื้อถอนอีกครั้ง ซึ่งการดำเนินการครั้งนี้จะมีการทุบทำลายอาคารเพื่อให้เกิดความเสียหายมากขึ้นจนไม่สามารถใช้งานได้ ตามกำลังของอุปกรณ์และคนที่สามารถสนับสนุนภารกิจได้อย่างเต็มที่ พร้อมกันนี้ยังขอกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาสนับสนุนภารกิจ ซึ่งหากพบว่ามีการขัดขวางก็จะดำเนินการทางกฎหมายอย่างเด็ดขาด

นายสุริยา กล่าวอีกว่า ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมาย และเจ้าหน้าที่ฝ่ายควบคุมอาคาร ส่วนควบคุมอาคาร สำนักการช่างเมืองพัทยา ในฐานะนายตรวจ ตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร 2522 ไปลงบันทึกประจำวันเพื่อเป็นหลักฐานต่อพนักงานสอบสวน สภ.บางละมุง ด้วยจากการเข้าตรวจสอบอาคารดังกล่าวอีกครั้ง พบว่ามีบุคคลซึ่งน่าเชื่อได้ว่าเป็นพนักงานของบริษัทฯ ได้เข้ามาปรับปรุงอาคารเวทีซึ่งเมืองพัทยาได้ทำการรื้อถอนไปเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2566 ที่ผ่านมา ดังนั้นการกระทำดังกล่าวจึงถือเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งห้ามใช้หรือยินยอมให้บุคคลใดเข้าไปในอาคารที่เมืองพัทยาได้ออกคำสั่งห้ามใช้อาคาร (แบบ ค.4) ในส่วนนี้จะได้ใช้ประกอบการแจ้งความร้องทุกข์กรณีฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงานท้องถิ่น ตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคารต่อไป

มีรายงานเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ เมืองพัทยายังเตรียมดำเนินการตามกฎหมายในกรณีที่มีบางหน่วยงานจัดทำโครงป้ายเหล็กขนาดใหญ่ภายในโครงการบ้านสขุขาวดี แต่มีแนวป้ายคร่อมพื้นที่ของทางสาธารณะที่ติดกับซอยสุขุมวิท 8 ต.นาเกลือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี โดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งจะได้มีการฟ้องร้องดำเนินคดีต่อไปเช่นกัน