เมื่อวันที่ 12 มิ.ย. เวลา 10.00 น. ที่สำนักงานสภาความมั่นคงของชาติ (สมช.) ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เป็นประธานการประชุม สมช. คณะเล็ก ร่วมกับตัวแทนหน่วยงานด้านความมั่นคง อาทิ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ภาค 4 ส่วนหน้า กองบัญชาตำรวจภูธรภาค 9 กระทรวงยุติธรรม และสำนักงานอัยการสูงสุด เข้าร่วม ซึ่งใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง เพื่อหารือถึงสถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ หลังจากขบวนการนักศึกษาแห่งชาติกิจกรรมปาฐกถาพิเศษหัวข้อ “การกำหนดอนาคตตนเอง และจัดพิมพ์บัตรเพื่อร่วมลงประชามติแยกตัวเป็นเอกราชได้อย่างถูกกฎหมาย” เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. ที่คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี

จากนั้น พล.อ.สุพจน์ แถลงหลังการประชุมว่า กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า กองบัญชาการตำรวจภูธร ภาค 9 กำลังตรวจสอบข้อเท็จจริง ทั้งเนื้อหาสาระ ผู้เกี่ยวข้องทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง ข้อมูลและผลผลิตที่เกิดขึ้นจนปรากฏสู่สังคม ทั้งที่เป็นข่าวและทางโซเชียล จะมีเรื่องใดที่เป็นการกระทำผิดกฎหมาย จากข้อมูลและคำพูดที่เห็นผ่านสื่อ พบว่าเกี่ยวข้องกับเรื่องแบ่งแยกตัวเป็นเอกราช ซึ่งขัดรัฐธรรมนูญและผิดกฎหมาย ต้องสืบสวนและหารายละเอียดเพิ่มเติม โดยเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างดำเนินการ ซึ่งต้องใช้เวลาพอสมควร โดยจะรายงานให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม รับทราบรายละเอียดของการประชุมต่อไป

“การทำประชามติ ถ้าเป็นเรื่องเอกราช รัฐธรรมนูญมาตรา 1 พูดชัดเจน ส่วนจะผิดกฎหมายมาตราย่อยอะไรหรือไม่ กอ.รมน. จะเป็นเจ้าภาพหลัก ลงไปตรวจสอบ โดยต้องดูพฤติกรรม หลักฐานสภาพแวดล้อมต่างๆที่เกี่ยวข้องด้วย” พล.อ.สุพจน์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่าประเมินว่าเรื่องดังกล่าวจะบานปลายหรือไม่ พล.อ.สุพจน์ กล่าวว่าที่ประชุมหารือ 2 ส่วนคือให้ฝ่ายกฎหมายไปดำเนินการตามขั้นตอนอย่างเปิดเผยชัดเจน ไม่มีเจตนาไปต้องดำเนินการกับผู้กระทำผิดรายใดรายหนึ่ง ต้องดูว่ากระทำผิดกฎหมายหรือไม่ หากพบว่าผิดก็ดำเนินการตามกฎหมายเท่าที่จำเป็น ส่วนที่กังวลคือการนำข้อมูลของกิจกรรมไปเผยแพร่สู่สาธารณะ ต้องดูว่าคนที่ทำเรื่องนี้ทำโดยเสียงประชาชนส่วนใหญ่หรือไม่ ส่วนกลไกต่างๆ ในพื้นที่ทั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สภาสันติสุขระดับตำบล และอีกหลายกลไก ซึ่งหน่วยงานเหล่านี้รับฟังความเห็นจากประชาชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้มาตลอด นอกจากนั้นเน้นย้ำข้อห่วงใยจากนายกรัฐมนตรี ให้ทุกหน่วยงานไปทำความเข้าใจกับทุกภาคส่วนและประชาชนในพื้นที่ ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจะผิดกฎหมาย และอธิบายในสิ่งที่ถูกต้อง

เมื่อถามว่าเรื่องดังกล่าวเป็นความพยายามของบางกลุ่มคนในพื้นที่ ได้ประเมินหรือไม่ว่า เหตุใดจึงรุกคืบรุนแรงในเวลานี้ พล.อ.สุพจน์ กล่าวว่า ขอให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบแล้ว เรามีฐานข้อมูลเดิมพอสมควร เกี่ยวกับการโยงใยของแต่ละกลุ่มในพื้นที่ และที่รัฐบาลพยายามทำมาตลอด คือการสร้างความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ ให้ประชาชนอยู่ดีกินดี ปลอดภัย อยู่ภายใต้กฎหมายเกี่ยวข้อง และสนับสนุนสิ่งที่คนในพื้นที่ต้องการ คือ สังคมวัฒนธรรม ศาสนา และการศึกษา แม้บางกลุ่มจะมีความพยายามอย่างที่ทุกคนทราบกันดี แต่รัฐบาลพยายามชี้ผลดี-ผลเสียที่จะเกิดขึ้น

เมื่อถามว่ามีหลักฐานว่ามีคนของพรรคการเมืองเข้าไปเกี่ยวข้องกับกิจกรรมดังกล่าวหรือไม่ พล.อ.สุพจน์ กล่าวว่า ทุกคนทราบดีอยู่แล้วว่ามีพรรคการเมืองเกี่ยวข้อง ทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง แต่ขอให้เจ้าหน้าที่เป็นผู้ดำเนินการ ซึ่งเป็นประเด็นที่อยู่ในการสอบสวนอยู่แล้ว เมื่อถามย้ำว่าจะต้องตรวจสอบย้อนไปถึงการหาเสียงของบางพรรค ในการเลือกตั้งผ่านมา โดยเสนอให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าฯ ของจังหวัดตัวเอง พล.อ.สุพจน์ กล่าวว่า การหาเสียงที่ผ่านมาค่อนข้างจะมีความสุดโต่ง มีหลายเรื่องที่ สมช. มีความกังวล และหลังเลือกตั้งถึงแม้จะยังไม่มีประกาศรับรองผล แต่มีความพยายามของฝ่ายการเมือง ที่ออกมาพูดถึงนโยบายที่จะทำต่อไปแต่นุ่มนวลลง และส่วนใหญ่สอดคล้องกับสิ่งที่เราพยายามทำอยู่ แต่ข้อมูลที่มีก่อนเลือกตั้ง หากพบว่ามีส่วนเชื่อมโยงผิดกฎหมายต้องนำมาพิจารณาด้วย

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะเอาผิดนักการเมืองที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ได้หรือไม่ เลขาฯ สมช. กล่าวว่า ยังตอบไม่ได้ ต้องไปตรวจสอบก่อน เมื่อถามย้ำว่า สมช. ได้คุยกับหัวหน้าพรรค ที่เป็นว่าที่นายกฯ หรือไม่ พล.อ.สุพจน์ กล่าวว่า ยังไม่ได้พูดคุย แต่คิดว่าเขาน่าจะทราบ เพราะที่ผ่านมาได้ศึกษาเรื่องเหล่านี้ ส่วน สมช. และหน่วยงานเกี่ยวข้องเคยพูดถึงนโยบายเกี่ยวกับ จชต. ชัดเจนมาตลอด

ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่าหากพบว่ามีความผิดจริง พรรคการเมืองที่ส่งตัวแทนเข้าร่วมกิจกรรมจะมีความผิดด้วยหรือไม่ เลขาฯ สมช. กล่าวว่า ถ้ามีหลักฐานว่าทำผิด จะต้องถูกดำเนินการตามกฎหมาย เมื่อถามว่า มอ.ปัตตานี ต้องมีส่วนรับผิดชอบหรือไม่ พล.อ.สุพจน์ กล่าวว่า กิจกรรมครั้งนี้หากดูผิวเผิน จะดูเป็นกิจกรรมเชิงวิชาการ แต่มีกิจกรรมที่มีความสุ่มเสี่ยง

เมื่อถามว่าเหตุดังกล่าว ยังไม่มีแรงสนับสนุนจากต่างประเทศใช่หรือไม่ พล.อ.สุพจน์ กล่าวว่า ยังไม่มี แต่ยังไม่ตัดประเด็นนี้และคุยระดับนโยบายกับต่างประเทศ ขณะที่องค์กรต่างประเทศที่เกี่ยวข้องได้ลงพื้นที่ จชต. เพื่อรับทราบสถานการณ์จังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีวิธีป้องกันไม่ให้เกิดเหตุลักษณะเช่นนี้ อีกหรือไม่ พล.อ.สุพจน์ กล่าวว่า ประเทศเรามีกลไกดำเนินการตามกฎหมาย และคิดว่าประชาชนเข้าใจว่าภาครัฐไม่ต้องการต่อสู้ หรือ ปิดกั้นความคิดของประชาชน แต่อยากให้ดูบริบทในพื้นที่ และเราเดินมาในทางที่ถูกโดยพยายามสร้างความสงบ ไม่ให้เกิดเหตุร้าย และพยายามพูดคุยกับกลุ่มที่เห็นต่างทางการเมืองทุกกลุ่ม ไม่ใช่แค่กลุ่มบีอาร์เอ็น และเชิญนักการเมือง คนที่เป็นตัวแทนในพื้นที่มาร่วมพูดคุยด้วย ขอให้ช่วยกัน และกิจกรรมดังกล่าวไม่เกินจากที่หน่วยงานความมั่นคงคาดไว้ เพราะที่ผ่านมาก็มีการจัดกิจกรรมในลักษณะที่ทำให้เกิดความกังวล แต่หากแสดงความเห็นภายใต้กรอบกฎหมาย ก็ทำได้เพื่อให้เห็นว่าไม่ได้ไปกดขี่

นอกจากนี้ พล.อ.สุพจน์ ยังกล่าวถึงความคืบหน้าการเจรจาสันติภาพ ที่มีกระแสข่าวจะมีการเปลี่ยนหัวหน้าคณะพูดคุยสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่า ปกติจะมีการเตรียมอยู่แล้ว ซึ่งเป็นคนที่มีประสบการณ์การทำงานในพื้นที่ภาคใต้มีอยู่หลายคน จะรู้ว่าปัญหาดีว่า ที่ทำมาได้ผลเป็นอย่างไร ส่วนจะเปลี่ยนหรือไม่เปลี่ยนนั้น เป็นอำนาจของรัฐบาลที่จะเป็นผู้เลือก

ผู้สื่อข่าวถามว่าในพื้นที่สามารถเสนอตัวบุคคลขึ้นมาให้รัฐบาลพิจารณาได้หรือไม่ พล.อ.สุพจน์ กล่าวว่า ได้ เพราะในกระบวนการต่างๆ ก็มีการพูดคุยอยู่แล้วก่อนที่จะมีการตั้งก็จะไปคุยในพื้นที่ 

เมื่อถามว่า คนที่จะตั้งขึ้นมาควรเป็นคนในพื้นที่หรือนักการเมือง พล.อ.สุพจน์ กล่าวว่า ใครก็ได้ที่เข้าใจปัญหา ต่อข้อถามว่ามีกระแสข่าวว่าอาจเป็นนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ที่จะมาทำหน้าที่นี้ พล.อ.สุพจน์ กล่าวว่า เป็นเพียงข่าวที่ออกมาเท่านั้น

ขณะเดียวกัน พล.อ.สุพจน์ ได้กล่าวถึงการทำงานของฝ่ายความมั่นคงในช่วงเปลี่ยนผ่านรัฐบาล ว่าการทำงานเวลานี้ไม่มีความยากลำบาก สมช. มีหน้าที่ดูแลนโยบายด้านความมั่นคงในภาพรวม และหน่วยงานความมั่นคงต้องทำงานบนพื้นฐานข้อเท็จจริง และการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมต่างๆ จึงต้องปรับเปลี่ยนได้ตลอดเวลาไม่ว่าใครจะมาเป็นรัฐบาล เราต้องเสนอข้อมูลตามบทบาทหน้าที่ และกฎหมาย

ผู้สื่อข่าวถามว่าประเมินหลังการเลือกตั้งเสร็จสิ้นแล้ว สถานการณ์ในประเทศจะรุนแรงเพิ่มขึ้นหรือไม่ พล.อ.สุพจน์ กล่าวว่า เราประเมินในกรณีที่ร้ายแรงที่สุด โดยหน่วยงานความมั่นคงมีหน้าที่เตรียมพร้อมรองรับ ไม่ว่าจะเกิดเหตุขัดแย้งทางการเมืองหรือการชุมนุม หรือการก่อความไม่สงบ โดยตำรวจจะเป็นกลไกหลักเตรียมการและขับเคลื่อน ซึ่ง ผบ.ตร. รับทราบ และเตรียมการรับมือมาต่อเนื่อง

เมื่อถามกรณีที่มีแกนนำผู้ชุมนุมบางกลุ่ม ก็ออกมาปลุกระดม กดดันสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ในการเลือกนายกรัฐมนตรี ได้เตรียมรับมืออย่างไร พล.อ.สุพจน์ กล่าวว่า ต้องเตรียมพร้อมเรื่องนี้ด้วย ถ้าชุมนุมโดนสงบ เจ้าหน้าที่ต้องดูแล และอำนวยให้เกิดความสะดวกให้ปลอดภัยทุกฝ่าย หากก่อเหตุรุนแรงตำรวจต้องเข้าไปจัดการยุติและยับยั้งการก่อเหตุ ทั้งนี้ทางการข่าวยังไม่พบมีอะไรที่น่ากังวล  

ต่อข้อถามถึงกรณีที่นายอานนท์ นำภา แกนนำราษฎร ออกมาโพสต์ให้เตรียมความพร้อมในการเคลื่อนไหว เลขาธิการ สมช. กล่าวว่า เป็นการแสดงความคิดเห็นและเชิญชวน แต่เหตุการณ์ยังไม่เกิด  ถ้าเกิดเจ้าหน้าที่ต้องดำเนินการตามกฎหมาย โดยเจ้าหน้าที่จะดำเนินการทุกมิติให้เหตุการณ์เป็นไปอย่างราบรื่น ทั้งนี้หากประเทศไม่มีการชุมนุม และเป็นไปอย่างสะดวก จะสร้างความมั่นใจให้กับภาคเศรษฐกิจ หากอยู่ภายใต้กฎหมาย เชื่อว่า ประเทศจะเดินหน้าไปด้วยดี

เมื่อถามว่าจากการที่ พล.อ.สุพจน์ จะเกษียณอายุราชการ โดยเหลือเวลาประมาณ 3 เดือน ได้วางตัวบุคคลที่จะเสนอเป็นเลขาธิการ สมช. คนใหม่ เพื่อให้นายกรัฐมนตรี พิจารณาแล้วหรือไม่ พล.อ.สุพจน์ กล่าวว่า ตนวางไม่ได้ เป็นเรื่องของนายกรัฐมนตรี