จากกรณีที่กำลังเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ สำหรับ “หยก-ธนลภย์” เยาวชนวัย 15 ปี ที่แต่งชุดไปรเวทและย้อมผมไปเรียนหลายสัปดาห์ จนเจ้าตัวออกมาประกาศว่าถูกไล่ออกแล้ว แต่สุดท้ายทางโรงเรียนให้เหตุผลว่ายังไม่ได้มามอบตัว ทำให้ไม่มีฐานข้อมูลในระบบว่าเป็นนักเรียนของโรงเรียน แม้ว่าสาเหตุการถูกไล่ออกจะไม่ใช่เรื่องของการแต่งชุดไปรเวทและย้อมสีผมไปเรียน แต่ประเด็นดังกล่าวก็ถูกหยิบยกขึ้นมาถกเถียงกันอีกครั้ง ว่าชุดยูนิฟอร์มนักเรียนจำเป็นหรือไม่ และมีผลอย่างไรกับการเรียน ซึ่งสังคมต่างมีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยในเวลาเดียวกัน

เมื่อวันที่ 17 มิ.ย. “ทนายเกิดผล” ได้ออกมาโพสต์ข้อความถึงกรณีดังกล่าวว่า ผมไม่เข้าใจ “หยก” หรอกนะ เพราะ เมื่อ 30 ปีก่อน ตอนผมอายุน่าจะเท่า “หยก” โลกของผมไม่ได้เป็นเหมือนโลกของหยก แน่ๆ

ผมมัวแต่ ทำงานหาเงิน เลี้ยงชีวิต แต่ ผมก็คงไม่เอาตัวเอง เป็นบรรทัดฐาน เพราะ ยุคสมัยมันอาจเปลี่ยนไปแล้ว และ เราคงอยู่ได้ไม่นาน คงต้องให้ลูกๆ หลาน ๆ เป็นผู้กำหนดอนาคต ของเขาเอง แต่ในฐานะที่เป็นคนแก่ มองเห็นโลกมานาน

กลัวว่า..กว่า จะถึงวันที่เด็กเข้าใจชีวิต เด็กๆจะตกเป็นเครื่องมือของพวกผู้ใหญ่ โลกที่สดใสของวันเยาว์ที่หายไป

แล้ว..ผู้ใหญ่จะชดเชยให้เขาได้อย่างไร