เมื่อวันที่ 22 มิ.ย. ที่รัฐสภา สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เปิดรับรายงานตัว ส.ส. ชุดที่ 26 เป็นวันที่สาม ตั้งแต่เวลา 08.30 น. โดยมีบรรดา ส.ส. ใหม่ ทยอยเข้ารายงานตัวอย่างต่อเนื่อง

นายอดิศร เพียงเกษ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการเข้ารายงานตัว ส.ส. ใหม่ว่า เป็นเวลาเกือบ 2 ทศวรรษ หรือ 17 ปี ที่ได้กลับมาทำงานในสภาอีกครั้ง สำหรับการแสดงความเห็นเรื่องประธานสภาผู้แทนราษฎร ในงานสัมมนาของพรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่ 21 มิ.ย. ที่ผ่านมา มีประเด็นแลกเปลี่ยนเป็นเรื่องธรรมดา เพราะพรรคเพื่อไทย เป็นพรรคประชาธิปไตย ก็ถกเถียงเอาเป็นเอาตาย ซึ่ง ส.ส. ทั้ง 141 คน ได้ข้อมูลไม่ตรงกัน จากเดิมที่เข้าใจว่าพรรคเราคะแนนไล่เลี่ยกัน จะได้ตำแหน่งรัฐมนตรี 14+1 คือ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ได้นายกรัฐมนตรี ส่วนพรรคเพื่อไทยได้ตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร และอยู่ ๆ ก็ยกให้ตำแหน่งประธานสภารัฐสภาให้พรรคก้าวไกล

“ขออนุญาตพาดพิง และขอโทษพรรคก้าวไกลด้วย หากมีสรุปอย่างไร คนที่มีหน้าที่เจรจากับพรรคก้าวไกล คำนึงถึงความรู้สึกของ ส.ส. ในพรรคเพื่อไทยเกือบ 100% ดูว่ามีความคิดเห็นอย่างไร และดูว่าจะมีท่าทีอย่างไร ผมไม่อยากให้ตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรไปขัดการจัดตั้งรัฐบาลผสม” นายอดิศร กล่าว

นายอดิศร กล่าวยืนว่า ส.ส. พรรคเกือบ 100% ไม่เห็นด้วยกับการให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรกับพรรคก้าวไกล เพราะคะแนนเสียงต่างกันไม่มาก และถ้ามีปัญหาถกเถียงกัน ต้องใช้ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรในการหาทางออก เพราะสภาไม่ใช่ของพรรคใดพรรคหนึ่ง เนื่องจากไม่มีใครได้คะแนนเกินครึ่ง และอยากให้เรื่องนี้จบเร็วๆ

ผู้สื่อข่าวถามถึง การออกมาพูดเปรียบเทียบว่า “สามเณรบวชใหม่จะมาเป็นเจ้าอาวาสไม่ได้” นั้น นายอดิศร กล่าวว่า เป็นคำเปรียบเทียบในภาษาอีสาน ซึ่งทุกคนก็เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎรได้ เพราะเป็น ส.ส. ที่ประชาชนเลือกมาแล้ว

เมื่อถามย้ำว่า ถ้าเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎรไม่ได้ จะทำอย่างไร นายอดิศร กล่าวว่า ถ้าตกลงกันไม่ได้ในที่ประชุมพรรค ตนก็ขอแสดงบทบาทอีกครั้ง ต้องขออภัยพรรคก้าวไกลด้วย เราสูงไล่เลี่ยกัน เราต่างมีแฟนคลับทั้งสองพรรค และอยากให้แฟนคลับอยู่ในฐานที่มั่นที่มั่นคง ประชาชนมองให้เป็นทั้งสองพรรคเป็นปาท่องโก๋ มีนายกรัฐมนตรีที่ชื่อ “พิธา” ให้ได้ ตนมีระเบียบวินัยมากพอ การพูดคุยต้องให้เกียรติซึ่งกันและกัน และหวังว่าเส้นทางประชาธิปไตยนี้จะไปได้ดี