เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 4 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หน่วยกู้ภัยตำรวจทางหลวงขอนแก่น ได้ออกหนังสือประกาศระงับการออกเหตุฉุกเฉินชั่วคราว ภายหลังไม่สามารถออกให้บริการทางการแพทย์ฉุกเฉินได้ เนื่องจากไม่ได้รับเงินอุดหนุนจากสถาบันการแพทย์ฉุกเฉิน หรือ สพฉ. มานานหลายเดือน ทำให้ไม่มีน้ำมันที่จะเติมให้กับรถกู้ภัย ที่มีประจำจุดจำนวน 1 คัน จึงจำเป็นต้องจอดรถไว้ ไม่สามารถออกช่วยเหลือ ตามคำขอจากศูนย์รับแจ้งเหตุและประสานงานการแพทย์ฉุกเฉินจังหวัดขอนแก่น (สายด่วน 1669) ได้

นายนิรันดร์ อุดมแก้ว ประธานหน่วยกู้ภัยตำรวจทางหลวงขอนแก่น กล่าวว่า หน่วยกู้ภัยตำรวจทางหลวงขอนแก่น เป็นหน่วยงานที่ได้ขึ้นทะเบียนถูกต้องกับระบบสถาบันการแพทย์ฉุกเฉิน ในการออกเหตุช่วยเหลือประชาชน ทั้งด้านเจ็บป่วยฉุกเฉินและอุบัติเหตุบนท้องถนน ตามคำสั่งของศูนย์ปฏิบัติการ 1669 เพื่อนำส่งโรงพยาบาล

“ทางหน่วยจะได้รับเงินสนับสนุนในการออกรับเคสแต่ละครั้งจากสถาบันการแพทย์ฉุกเฉิน เพื่อนำมาเป็นค่าใช้จ่ายในการเติมน้ำมันเชื้อเพลิง ซื้อเวชภัณฑ์ และค่าใช้จ่ายอื่นๆ แต่ขณะนี้ สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินไม่ได้จัดสรรเงินดังกล่าวให้กับหน่วย เป็นระยะเวลานานหลายเดือน จึงทำให้ขาดสภาพคล่องกับค่าใช้จ่ายต่างๆ ในการออกเหตุช่วยเหลือประชาชน โดยเฉพาะเงินที่นำไปเติมน้ำมัน ต้องใช้เงินส่วนตัวสำรองจ่ายภายในหน่วยงาน ซึ่งก็ได้หมดลงและค่าใช้จ่ายก็ติดลบ” นายนิรันดร์ กล่าว

นายนิรันดร์ กล่าวต่ออีกว่า คณะกรรมการ หน่วยกู้ภัยตำรวจทางหลวงขอนแก่น จึงได้ประชุมและมีความเห็นตรงกันว่า ให้อาสาสมัครและเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยตำรวจทางหลวงขอนแก่น หยุดการออกเหตุช่วยเหลือผู้ป่วยฉุกเฉิน และผู้ประสบเหตุจากอุบัติเหตุไปก่อนตั้งแต่วันที่ 3 ก.ค. 66 เป็นต้นไป จนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น เพราะที่ผ่านมา ทางหน่วยกู้ภัยทางหลวงขอนแก่น ได้ทำเรื่องเบิกกับทาง รพ.ขอนแก่น ตามปกติทุกเดือน แต่ก็ยังไม่ได้รับคำตอบจาก สพฉ. แต่อย่างใด

ด้าน นายไพบูรณ์ นามโสม ประธานมูลนิธิเทพสิธิมุณี กล่าวว่า มูลนิธิฯ ได้รับผลกระทบเช่นกัน ก่อนหน้านี้ก็หยุดให้บริการและให้บริการบ้าง เพราะต้องหาเงินมาเติมน้ำมันรถ และจ่ายให้กับลูกน้องที่มาเข้าเวรคนละ 300 บาท จำนวน 2 คน ต่อวัน ทำให้เตรียมที่จะเรียกประชุมคณะกรรมการมูลนิธิฯ เพื่อหยุดให้บริการ จนกว่าจะได้รับเงินอุดหนุน จึงอยากให้ทาง สพฉ. ได้ลงมาดูในระดับล่างด้วย เพราะหากไม่มีรถกู้ภัยที่กระจายครอบคลุมทั่วพื้นที่แล้ว จะกระทบกับการให้ความช่วยเหลือประชาชน ซึ่งขณะนี้ มีเพียงมูลนิธิไม่กี่แห่งที่ยังสามารถให้บริการได้ อย่างไรก็ตาม ขอฝากไปยังว่าที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่ ได้ลงมาแก้ไขปัญหานี้ด้วย พร้อมกับลงมาดูว่า เจ้าหน้าที่กู้ภัยของมูลนิธิ หรือหน่วยกู้ภัยต่างๆ ว่า มีความเป็นอยู่กันอย่างไร.