เมื่อวันที่ 17 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 14.00 น. วานนี้ (16 ก.ค.) กัน จอมพลัง พร้อมกับทนายโรส ได้เดินทางมาที่ สภ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี หลังนายธวัชชัย คำใส อายุ 31 ปี ร้องขอให้ช่วยติดตามคดีที่ นางมณีรัตน์ คำใส อายุ 57 ปี ผู้เป็นแม่ ถูกน้องชาย คือ นายวรายุทธ คำใส อายุ 28 ปี และนางละอองดาว จันทร์ยิด อายุ 28 ปี น้องสะใภ้ ได้ปลอมตัวเป็นโจรเข้าไปชิงทรัพย์ผู้เป็นแม่และทำร้ายจนอาการสาหัส ส่วนทรัพย์สินที่ได้ไปมีทั้งเงินสด 3,000 บาท ทองคำ 3 สลึง และโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง เหตุเกิดที่บ้านเช่าเลขที่ 29/10 หมู่ 17 ต.ปากแรต อ.บ้านโป่ง เมื่อวันที่ 13 ก.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งทั้งคู่ยังไม่ถูกจับดำเนินคดี

โดย กัน จอมพลัง ได้เข้าพบกับ พ.ต.อ.ปิยะพงษ์ วงศ์เกตุใจ ผกก.สภ.บ้านโป่ง สอบถามถึงความคืบหน้าในคดี เบื้องต้นทราบว่าทางเจ้าหน้าที่ได้รวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดและไปขออนุมัติหมายจับจากศาลราชบุรีแล้ว ในข้อหา “ร่วมกันชิงทรัพย์โดยใช้อาวุธ” ก่อนจะเข้าเยี่ยมนางมณีรัตน์ ซึ่งพักรักษาตัวอยู่ใน รพ.บ้านโป่ง แต่อาการดีขึ้นตามลำดับ

กัน จอมพลัง กล่าวว่า ตนได้รับการร้องขอจากลูกชายคนโตว่า น้องชายคนกลางร่วมกับน้องสะใภ้ปลอมเป็นโจรชิงทรัพย์แม่ โดยเอาเชือกมัดมือ มัดขา และปิดตา เพื่อไม่ให้เห็น แต่แม่จำได้ โดยได้เงินสดไป 3,000 บาท ทอง 3 สลึง โทรศัพท์ 1 เครื่อง หลังจากนั้นนำสากกะเบือทุบหัว ทุบท้ายทอยเพื่อให้แม่สลบ แต่แม่ไม่สลบก็เลยทุบไม่ยั้ง เมื่อดูบาดแผลแล้วพบว่ามีแต่รอยช้ำ หลังจากนั้นก็ทิ้งแม่ไว้ แต่แม่กระเสือกกระสนออกมาให้คนช่วย ก่อนชาวบ้านมาช่วยกันนำส่งโรงพยาบาล หลังจากที่ก่อเหตุลูกชายกับลูกสะใภ้ไปโผล่ที่โรงพยาบาล แล้วไปถามแม่ว่า ใครทำแม่ แม่ก็เลยตอบว่า มึงนั่นแหละที่ทำ ซึ่งแม่ได้แจ้งความไว้แล้ว แต่ลูกชายคนกลาง ซึ่งตอนแรกโพสต์เฟซบุ๊กว่า ใครทำแม่ พอเห็นว่าแม่แจ้งความ ก็ขึ้นเฟซฯ ด่าแม่อีก วันนี้จึงมาตามคดีให้ โดยประสานทางกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เข้ามาด้วย เพราะเป็นเรื่องในครอบครัว โดยขอให้ทาง ผกก. ช่วยเร่งรัดติดตามตัว เพราะคนเป็นแม่กลัวมาก เนื่องจากลูกชายยังวนเวียนอยู่ ตอนนี้ทางโรงพยาบาลต้องย้ายห้องหนีให้ ซึ่งที่แม่รอดมาได้เพราะร้องขอชีวิตไว้ ส่วนลูกชายคนนี้ ปกติก็จะมาขอเงินแม่เป็นประจำ

ด้านนายธวัชชัย ลูกชายคนโต เล่าว่า ช่วงเกิดเหตุได้มีเพื่อนของแม่มาบอกว่า แม่ถูกทำร้ายอาการสาหัสอยู่โรงพยาบาล จึงได้รีบไปหาแม่ ซึ่งก่อนหน้านี้ทางตำรวจได้ถามแม่แล้วว่าใครเป็นคนทำ แม่บอกว่าเป็นคนร้ายสองคน ไม่ได้บอกว่าเป็นน้องชาย เพราะขณะนั้นน้องชายนั่งอยู่ข้างเตียง ทำให้ไม่กล้าพูด ในช่วงที่เกิดเหตุถูกปิดตา แต่แม่จำเสื้อผ้า และน้ำเสียงของน้องชายได้ ที่รู้ว่าใช้สากกะเบือทุบ เนื่องจากมีการเยื้อแย่งกัน ตอนที่มีการใช้มีดจะแทง แม่ก็ยึดมีดได้และมีเสียงของน้องบอกว่าให้ปล่อย จึงทำให้รู้ว่าคนที่ก่อเหตุ คือ ลูกชาย และลูกสะใภ้ ที่ผ่านมาแม่จะรักน้องชายมาก ให้ทุกอย่าง แต่ไม่คิดว่าน้องชายจะมาทำกับแม่แบบนี้ได้

ขณะที่ ป้าส้ม เพื่อนของนางมณีรัตน์ ผู้บาดเจ็บ บอกว่า ตอนนั้นจะชวนไปตัดหน่อไม้ด้วยกัน แต่โทรฯ มาแล้วไม่รับสาย จึงได้มาดูที่บ้านที่เกิดเหตุ พบนางมณีรัตน์ นอนอยู่ในห้องเช่าและตะโกนขอความช่วยเหลือ จึงได้ผลักประตู ซึ่งคล้องโซ่ไว้เข้าไป พบว่าได้รับบาดเจ็บอยู่ ถูกมัดมือ มัดเท้า จึงได้ไปเรียกเพื่อนบ้านมาช่วย เมื่อถามว่าใครเป็นคนทำร้าย ก็บอกว่า ไอ้ปอนด์ ลูกชายคนกลาง ซึ่งตอนที่เห็นสภาพตอนแรก ตนถึงกับช็อกเลย

ส่วนนายจรูญ เจ้าของร้านอะลูมิเนียม ที่อยู่ใกล้กับบ้านที่เกิดเหตุ โดยที่หน้าบ้านติดกล้องวงจรปิดไว้ ก็บอกว่า ในวันเกิดเหตุมีคนมาเรียกให้ไปช่วยคนเจ็บ หลังจากนั้นก็มาดูกล้องวงจรปิดที่หน้าบ้าน แต่ในช่วงนั้นกล้องน่าจะมีปัญหา แต่มาเห็นช่วงหลังที่มีลูกชายของคนเจ็บ ขี่รถจักรยานยนต์มากับแฟน มาสอบถามว่าเห็นคนทำร้ายแม่ตนเองไหม และกล้องวงจรปิดที่บ้านชัดไหม ซึ่งตนก็บอกไปตามความจริงว่าช่วงนั้นมองไม่เห็น หลังจากนั้นลูกชายของคนเจ็บก็ไป จนมารู้ทีหลังว่า คนที่ทำร้ายนางมณีรัตน์ คือลูกชายของคนเจ็บ

ต่อมาในเวลา 17.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำหมายจับจากศาลจังหวัดราชบุรี ไปจับกุมตัวนายวรายุทธ คำใส และนางละอองดาว จันทร์ยิด มาทำการสอบปากคำที่โรงพัก ซึ่งนายธวัชชัย ผู้เป็นพี่ได้ปรี่เข้าชกหน้าน้องชายจนได้รับบาดเจ็บ พร้อมตะโกนด่าทอน้องชายที่ทำร้ายแม่บังเกิดเกล้าได้ลงคอ เจ้าหน้าที่ต้องกันตัวออกห่าง เพื่อให้เจ้าหน้าที่ได้ทำการสอบปากคำ ก่อนจะแจ้งข้อหาและดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป.