เมื่อวันที่ 27 ก.ค. นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Wiroj Lakkhanaadisorn – วิโรจน์ ลักขณาอดิศร โดยระบุว่า “อย่าหลอกลวงประชาชนว่ารัฐบาลรักษาการทำงานไม่ได้ เพื่อหวังสลับขั้วตั้งรัฐบาล 3ป” ตอนนี้มีบางคนชอบออกมาพูดหลอกประชาชนว่า รัฐบาลรักษาการทำงานไม่ได้ เราเสียเวลารอการจัดตั้งรัฐบาลแห่งความหวัง 8 พรรคร่วมไม่ได้ เพื่อขู่ให้ประชาชนกลัว และยอมรับชะตากรรม ยอมให้เกิดการสลับขั้วจัดตั้งรัฐบาล 3ป ให้มาผูกขาดกินรวบประเทศต่อไป

“ผมถามตรงๆ เลยครับว่า ระหว่างได้รัฐบาล 3ป แล้วต้องสิ้นหวังต่อไปอีก 4ปี กับรอเต็มที่ไม่เกิน 10 เดือน แล้วจะได้รัฐบาลแห่งความหวังของประชาชน มีใครยอมสิ้นหวังไปอีก 4 ปีด้วยหรือครับ”

ระหว่างที่รอ บ้านเมืองก็ไม่ได้อยู่ในสภาวะสุญญากาศนะครับ สภาผู้แทนราษฎร คณะกรรมาธิการ และรัฐบาลรักษาการ ก็ยังทำงานได้ รัฐบาลที่ผ่านมา บริหารบ้านเมืองได้ตกต่ำถึงขีดสุดแล้วครับ ไม่มีอะไรที่จะเลวร้ายไปกว่านี้อีกแล้วครับ การเป็นรัฐบาลรักษาการ โดยถูกจำกัดอำนาจบางส่วน ก็เป็นเรื่องที่สมควรอยู่แล้ว เพราะจะได้ไม่ไปก่อความเสียหายอะไร ให้กับบ้านเมืองไปมากกว่านี้

ตามมาตรา 169 ของรัฐธรรมนูญ รัฐบาลรักษาการ ทำงานได้ครอบคลุมพอสมคววรนะครับ ไม่ใช่ว่าทำงานไม่ได้เลย มีข้อห้ามหลักๆ ก็แค่ 3 เรื่อง เท่านั้น คือ
1.ห้ามอนุมัติโครงการ ที่ก่อภาระผูกพันคณะรัฐมนตรีชุดต่อไป ยกเว้นกรณีที่กำหนดไว้ในงบประมาณรายจ่ายประจำปีอยู่แล้ว แสดงว่าโครงการที่อนุมัติไปแล้ว ก็ยังเดินหน้าต่อได้ เพียงแต่โครงการใหม่ๆ ห้ามเซ็นก็เท่านั้นเอง ซึ่งก็สมควรอยู่แล้ว เพราะจะได้ป้องกันไม่ให้รัฐบาลนี้ผลาญเงินภาษีของประชาชนไปมากกว่านี้

2.ห้ามการแต่งตั้งโยกย้ายหรือถอดถอนบุคลากรของรัฐ ซึ่งก็ดีอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้น ระบบตั๋ว และการซื้อขายตำแหน่ง ที่เป็นบ่อเกิดของการทุจริตคอร์รัปชั่น ก็จะรุนแรงขึ้น แถมยังจะทำให้เครือข่ายอุปถัมภ์ที่กินรวบสัมปทาน ขยายเครือข่ายของตนอีกด้วย แต่ในกรณีที่จำเป็นต้องแต่งตั้งโยกย้ายจริงๆ ก็ทำได้ครับ เพียงแต่ต้องขอความเห็นชอบจาก กกต. ก่อน ก็เท่านั้นเอง

3.ห้ามอนุมัติการใช้จ่ายงบกลางเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ก็ดีอยู่แล้ว จะได้เลิกเอางบกลางไปผลาญตามอำเภอใจของนายกฯ คนนี้ซะที แต่ถ้าจำเป็นต้องใช้จริงๆ เช่น กรณีภัยพิบัติ ก็ใช้ได้ครับ เพียงแต่ต้องขอความเห็นชอบจาก กกต. ก่อน ก็เท่านั้นเอง

“รัฐบาลรักษาการพอที่จะทำงานได้ครับ ไม่ได้ถึงกับสิ้นสภาพ อย่างที่เอามาขู่ให้กลัวเลย แล้วก็ไม่ต้องมาอ้างเรื่องการลงทุนจากต่างประเทศเลยครับ นักลงทุนจากต่างประเทศ เวลาที่จะมาลงทุน เขาต้องพิจารณาในระยะยาวเป็นหลักสิบปี ไม่ใช่ว่าต้องเร่งให้มีรัฐบาลกเฬวรากอะไรก็ได้”

นักลงทุนจากต่างประเทศ เขาคำนึงถึงเสถียรภาพของรัฐบาลเป็นสำคัญ ซึ่งคำว่า “เสถียรภาพ” ในโลกยุคปัจจุบัน ไม่ได้ดูแค่จำนวน สส. เท่านั้น แต่รัฐบาลจะต้องมีความชอบธรรม ได้รับความไว้วางใจจากประชาชน ประชาชนพร้อมเป็นผนังทองแดงกำแพงเหล็กให้ อย่างนี้ถึงเรียกว่าเป็นรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ ไม่ใช่เริ่มต้นมาก็ทรยศหักหลัง เป็นปรปักษ์กับประชาชนเสียแล้ว

นอกจากนี้ ปัญหาการคอร์รัปชั่น ก็เป็นอีกประเด็นที่นักลงทุนต่างชาติพิจารณา ถ้าบ้านเมืองเต็มไปด้วยส่วย และการเรียกรับผลประโยชน์ จะประกอบกิจการอะไร ก็ต้องจ่ายใต้โต๊ะตั้งแต่หัวโต๊ะยันท้ายโต๊ะ อย่างที่เป็นอยู่ นักลงทุนต่างประเทศเขาไม่มาลงทุนหรอกครับ

“ดังนั้น รัฐบาลที่ยอมพลิกขั้วยอมเป็นร่างทรง ให้ 3ป มาสิงสู่สืบทอดอำนาจ มีแต่จะถูกประชาชนสาปแช่ง บั่นทอนการลงทุนจากต่างประเทศ” อย่างไรก็ตาม การที่ สส. จากพรรคอื่น ที่ไม่อยู่ใน 8 พรรคร่วม จะบ่นว่า การตั้งรัฐบาลจะเสียเวลารอนานไม่ได้ ผมก็เห็นด้วยว่าควรบ่นครับ ผมก็บ่นเหมือนกัน ไม่มีใครอยากตั้งรัฐบาลช้าหรอกครับ บ่นน่ะได้ แต่ต้องบ่นให้ถูกคน เรามาช่วยกันบ่นไปที่ สว. กลุ่มที่ขัดขวางการจัดตั้งรัฐบาลดีกว่าครับ ถ้าผนึกกำลังช่วยกันบ่น และบ่นให้ถูกคน สักพักรัฐบาลก็จะตั้งได้เองครับ

นอกจากนี้ นายวิโรจน์ยังเผยอีกว่า “หลักฐานที่ชี้ชัดว่า ประชาชนรอได้” เชื่อเถอะครับว่าประชาชนรอได้ หลักฐานที่ชัดที่สุดก็คือ ถ้าประชาชนเขารอไม่ได้จริงๆ และต้องการให้มีรัฐบาลเร็วๆ กลุ่มคนที่เลือกพรรคอื่นที่ไม่ใช่ 8 พรรคร่วม ไม่ว่าจะเป็น ภูมิใจไทย พลังประชารัฐ หรือรวมไทยสร้างชาติ ประชาธิปัตย์ ฯลฯ ก็คงต้องส่งเสียงกดดันพรรคของตัวเอง ให้โหวตพิธาเป็นนายกฯ ไปตั้งแต่ 13 ก.ค. ที่ผ่านมาแล้วครับ หรืออย่างน้อยๆ ในวันที่ 19 ก.ค. ก็คงต้องกดดันให้มีการเลือกเกิดขึ้น

พรรคอันดับที่ 3-5 ก็ไม่คิดจะส่งแคนดิเดตของตัวเองมาชิงตำแหน่งนายกฯ ในสภา เสียงเรียกร้อง หรือแรงกดดันอะไรก็ไม่มี ก็แสดงว่าประชาชนกลุ่มใหญ่ ที่ไม่ได้เลือกพรรคก้าวไกล เขาเองก็ไม่ได้รีบร้อนอะไร

สำหรับประชาชนกลุ่มผู้สนับสนุนพรรคก้าวไกล และ 8 พรรคร่วม ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้รีบเหมือนกัน ผมว่าเราปรับมุมมองเสียหน่อย แล้วจะสบายใจขึ้น ที่ผ่านมาที่เรารู้สึกเครียด เพราะเราไปเร่งตัวเองครับ จริงๆ แล้วถ้าวิเคราะห์จากปฏิกิริยาของมวงชนดีๆ จะพบว่าประชาชนไม่ได้รีบอะไรเลย ไม่ได้หน้ามืดขนาดจะเอารัฐบาลอะไรก็ได้ เขารอได้ครับ

“ขอแค่ 8 พรรคร่วมจับมือกันให้แน่น พยายามเจรจา หารือ จัดตั้งรัฐบาลไปเรื่อยๆ ได้ไม่ได้ยังไง ช้าที่สุด วันที่ 11 พ.ค. 67 วันที่ สว. สูญสิ้นอำนาจ ก็ตั้งได้อยู่ดี จะไปกังวลอะไร”

ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก @Wiroj Lakkhanaadisorn – วิโรจน์ ลักขณาอดิศร