เมื่อวันที่ 5 ส.ค. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวว่า ตลอดระยะเวลาการร่วมรัฐบาลของพรรคพลังประชารัฐ ได้ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำ โดยเฉพาะเรื่องที่อยู่อาศัยและที่ทำกินของผู้มีรายได้น้อย เพื่อขจัดความยากจนและแก้ปัญหาหนี้ภาคครัวเรือนไปพร้อมกัน ควบคู่ไปกับการป้องกันการรุกล้ำผืนป่า ซึ่งการดำเนินงานในด้านการจัดสรรที่ทำกินให้กับประชาชนและเกษตรกร ตามหลักการของคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) ทั่วประเทศ ได้มีการออกหนังสืออนุญาต ไปแล้วรวม 356 พื้นที่ ใน 65 จังหวัด เป็นเนื้อที่รวมมากกว่า 1.12 ล้านไร่ มีการจัดสรรคนลงพื้นที่จำนวน 73,809 รายใน 331 พื้นที่ ใน 67 จังหวัด เป็นเนื้อที่รวมทั้งหมด 501,475 ไร่ 

พล.อ.ประวิตร กล่าวต่อว่า เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการจัดสรรที่ดินทำกินให้กับชุมชน จึงได้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 22 เม.ย. 2540  ซึ่งเกี่ยวข้องกับมาตรการและแนวทางแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับพื้นที่ป่าไม้ และเห็นชอบในการจัดทำแผนปฏิบัติการด้านการบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรดิน ของประเทศ ปี พ.ศ. 2566-2570 ซึ่งมียุทธศาสตร์เพื่อกระจายการถือครองที่ดินอย่างเป็นธรรม และได้พัฒนาขีดความสามารถในการใช้ประโยชน์ที่ดินฯ ตามศักยภาพ โดยการบูรณาการและสร้างการมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการที่ดินฯ แต่ก็ต้องส่งเสริมความยั่งยืนของการจัดการที่ดินและระบบนิเวศควบคู่ไปด้วย

“ที่ผ่านมาผมได้เดินทางไปมอบสิทธิในที่ดินทำกินในหลายพื้นทั่วประเทศ ทุกพื้นที่มีความก้าวหน้าแทบทุกด้าน มีหน่วยงานในพื้นที่เข้าไปสนับสนุน ส่งเสริม ช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรกันอย่างต่อเนื่อง และต้องขอชื่นชมกับสมาชิกวิสาหกิจชุมชนเกษตรกรรุ่นใหม่ทุกคน ที่นำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่ เพื่อที่จะรักษาที่ดินผืนนี้ ส่งต่อให้ลูกหลาน เพราะปัญหาขาดแคลนที่ดินทำกินจะรุนแรงมากขึ้น ถ้าเราไม่ช่วยกันปกป้องรักษาไว้ ผ่านการบูรณาการของหน่วยงานต่างๆ เพื่อทำให้พี่น้องเกษตรกรหลุดพ้นความยากจน และป้องกันการสูญเสียสิทธิในที่ดินจากการจำนองขายฝาก ตลอดจนส่งเสริมการใช้ประโยชน์ในที่ดิน เพิ่มโอกาสการเข้าถึงที่ดินทำกิน เพื่อประโยชน์ในการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน” พล.อ.ประวิตร กล่าว.