กรณีคนร้ายบุกเดี่ยวชิงทองร้านออโรร่า สาขาบิ๊กซี ถนนสุขาภิบาล 5 แขวงออเงิน เขตสายไหม กรุงเทพฯ ก่อนใช้ขวดบรรจุน้ำมันฉีดพ่นขู่ พร้อมหยิบไฟแช็กออกมาบอกพนักงานร้านทอง โดยระบุว่า จะปล้น หากไม่ยินยอมจะจุดไฟเผาร้าน ทำให้พนักงานขายตกใจ ต้องหนีเอาชีวิตรอด ก่อนกวาดทองคำ 48 บาท และเงินสด 200,000 บาท รวม 1.9 ล้านบาท หลบหนีไป เหตุเกิดเมื่อช่วงหัวค่ำ วันที่ 9 ส.ค. ที่ผ่านมา ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

โจรแสบถือขวดน้ำมัน บุกชิงทอง-เงินสดกว่า 1.7 ล้าน พนักงานสาวเผ่นหนีตายหวั่นโดนเผา

ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 10 ส.ค. ที่ สน.สายไหม พ.ต.ท.วิโรตม์ ผลบุญ รอง ผกก.(สอบสวน) สน.สายไหม รรท.ผกก.สน.สายไหม เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบและตรวจกล้องวงจรปิด ทราบว่าคนร้ายใช้เส้นทางไหนหลบหนี รวมถึงรถกระบะที่ใช้ก่อเหตุ เบื้องต้นทราบว่าเป็นรถบุคคลอื่น คนร้ายยืมมา และล่าสุดรู้ตัวคนร้ายแล้ว เป็นคนจากต่างจังหวัด มาทำงานในพื้นที่เขตสายไหม ตอนนี้อยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานออกหมายจับ คาดว่าจะได้ตัวเร็ว ๆ นี้

ต่อมาผู้สื่อข่าว เดินทางไปที่ร้านทองออโรร่า ที่เกิดเหตุพบว่า ยังปิดเงียบ แต่มีร่องรอยตำรวจ สน.สายไหม และเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานเข้ามาเก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุ ทั้งกล้องวงจรปิด และรอยนิ้วมือคนร้าย ที่ขณะก่อเหตุไม่ได้สวมถุงมือ ทั้งนี้ ทางร้านเตรียมทำความสะอาด เพื่อเปิดร้านตามปกติต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภาพจากกล้องวงจรปิดภายในร้าน สามารถบันทึกเหตุการณ์ได้ เวลา 18.46 น. คนร้ายเป็นชาย 1 คน รูปร่างท้วม สวมเสื้อยืดสีดำ กางเกงขาสั้น 3 ส่วน สวมหมวกแก๊ปสีดำ ลายตาราง สะพายกระเป๋าสีดำ ถือถุงพลาสติก เดินเข้ามาในร้าน จากนั้นหยิบขวดสเปรย์แอลกอฮอล์ จากเดิมที่เข้าใจผิดคิดว่าเป็นน้ำมัน ขึ้นมาวางบนเคาน์เตอร์ พูดกับพนักงานว่า “จะปล้น หากไม่ยินยอมจะจุดไฟเผา” แล้วฉีดแอลกอฮอล์บนเคาน์เตอร์กระจก พร้อมกับถือไฟแช็กขึ้นมาขู่ ด้วยความตกใจ พนักงานผู้หญิง 3 คน ได้หลบหนีไปอยู่หลังร้าน

จากนั้นคนร้ายได้ปีนข้ามเคาน์เตอร์กระจก ไปหยิบเอาทองรูปพรรณ ได้แก่ สร้อยคอทองคำ นำหนัก 2 สลึง 16 เส้น สร้อยคอทองคำ น้ำหนัก 1 บาท 22 เส้น และสร้อยคอทองคำ น้ำหนัก 2 บาท 9 เส้น รวมทองคำ 48 บาท และ เงินสด 200,000 บาท รวมเป็นเงิน 1.9 ล้านบาท หลบหนีไป