เมื่อวันที่ 11 ส.ค. พล.ต.อ.สมพงษ์ ชิงดวง ที่ปรึกษาพิเศษสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในฐานะอดีตผู้บัญชาการตำรวจตรวจคนเข้าเมือง กล่าวว่า ส่วนตัวยังไม่เห็นหนังสือแจ้งข้อกล่าวหากรณีที่ประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ชุดใหญ่ มีมติเอกฉันท์ให้แจ้งข้อกล่าวหาในคดีการดำเนินงานโครงการจัดซื้อไบโอเมตริกซ์ หรือการตรวจสอบอัตลักษณ์บุคคลของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง วงเงิน 2,100 ล้านบาท แต่ยืนยันว่า ตนเองในฐานะผู้ตรวจรับงานโครงการดังกล่าว และเป็นผู้ขยายสัญญาให้กับเอกชน ได้ดำเนินการทุกอย่างตามระเบียบและอำนาจหน้าที่

หาก ป.ป.ช. เชิญไปก็พร้อมจะให้ความร่วมมือ เพราะการตรวจเช็กระบบต้องเช็กทั่วประเทศ และทางสำนักนายกรัฐมนตรีก็เปิดโอกาสให้หัวหน้าหน่วย สามารถยืดขยายเวลาได้ตามระเบียบหากไม่แล้วเสร็จ และตอนนี้เท่าที่ทราบ สำนักงานตำรวแห่งชาติก็เก็บค่าปรับโอเวอร์สเตย์ (over stay)​ ได้กว่า 1.4 พันล้านบาทแล้ว โดยเฉพาะในสถานการณ์โควิด-19 ระบาด 2-3 ปี นักท่องเที่ยวไม่เข้ามาและเรื่องความมั่นคงอีก จึงอยากให้เห็นความคุ้มค่ามากกว่า อย่าไปมองแค่บริษัทคู่แข่งมาร้อง ย้ำว่าทำทุกอย่างตรงไปตรงมา ไม่ได้มีอะไรที่จะต้องตื่นตระหนกขอให้มองประโยชน์ส่วนรวมเป็นที่ตั้ง

เพราะทั่วโลกปัจจุบันก็ใช้ระบบไบโอเมตริกซ์ ซึ่งถือเป็นระบบที่ดีที่สุดในการคัดกรองคนเข้าประเทศ ยืนยันว่าไม่ได้ขยายเวลาเพื่อเอื้อประโยชน์ให้เอกชนตามที่ถูกกล่าวหา ประกอบกับช่วงเวลานั้น กำลังเป็นที่สนใจของประชาชน ไม่มีใครกล้าทำ ยืนยันทำทุกอย่างตรงไปตรงมาชัดเจน เพื่อนำระบบดังกล่าวเข้ามาตรวจคัดกรอง และหากระบบไบโอเมตริกซ์ติดตั้งก่อนระเบิดแยกราชประสงค์ เชื่อว่าระเบิดอาจจะไม่เกิด เพราะกลุ่มคนร้ายมาจากต่างประเทศมีหมายจับ สามารถคัดกรองได้ก่อน จากเดิมที่คนร้ายสามารถปลอมแปลงพาสปอร์ตหรือตบตาเจ้าหน้าที่เข้ามาได้

พล.ต.อ.สมพงษ์ กล่าวว่า ตั้งแต่มีข่าว ป.ป.ช. จะแจ้งข้อกล่าวหา ส่วนตัวยังไม่ได้พูดคุยกับทาง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีต ผบ.ตร. เพราะทราบจากข่าวเท่านั้น ยืนยันว่าไม่ได้กังวลว่าเรื่องดังกล่าวจะส่งผลต่อการทำงานในอนาคตหลังเกษียณอายุราชการ เชื่อว่าไม่มีปัญหา เพราะทำตรงไปตรงมา เพียงแต่ว่าข้าราชการที่ตั้งใจทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต อาจจะมีกระทบจิตใจบ้างที่มีคนไม่เข้าใจ ซึ่งบางทีก็ต้องปกป้องคนที่ทำงานดีๆ และคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติ ส่วนการที่ ป.ป.ช. ใช้เวลาในการพิจารณาตรวจสอบกว่า 5 ปีนั้น ก็เป็นดุลพินิจของ ป.ป.ช. แต่ก็ตั้งข้อสังเกตว่า เรื่องตั้งนานแล้วทำไมถึงเพิ่งมาชี้เอาตอนนี้ ซึ่งตนเองเหลือเวลาอีก 49 วัน ก็จะเกษียณอายุราชการแล้ว

อย่างไรก็ตาม พล.ต.อ.สมพงษ์ กล่าวว่า อนาคตหลังเกษียณยังไม่มีแผนว่าจะทำอะไร แต่ที่ผ่านมารับราชการตำรวจ ได้ทำงานให้กับบ้านเมืองมานานและเต็มที่แล้ว