เมื่อวันที่ 23 ส.ค. พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. สั่งการให้ พ.ต.ท.พิทักษ์ ศรีกะแจะ สว.กก.วิเคราะห์ข่าวฯ พร้อมกำลังสืบนครบาล เข้าจับกุมตัว น.ส.ยุ อายุ 24 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลแขวงธนบุรีที่ 98/2566 ลงวันที่ 29 มี.ค. 66 ในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกง” นอกจากนี้ยังพบว่า มีหมายจับติดตัวอีก 2 หมาย ในความผิดฐาน “ฉ้อโกงทรัพย์โดยแสดงตนเป็นคนอื่นโดยทุจริตหรือโดยการหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ฯ” ของ สภ.พรหมคีรี และสภ.เมืองสุรินทร์

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 19 มี.ค. 65 ผู้เสียหายได้มีการสมัครแอปพลิเคชันหาเพื่อนต่างชาติ และได้พบกับทางคนร้ายคือ น.ส.ยุ จากนั้นทักมาหาผู้เสียหายเพื่อทำความรู้จัก และได้มีการพูดคุยผ่านแอปไลน์ ทำทีชวนพูดคุยเกี่ยวกับการลงทุนในทรัพย์สินดิจิทัล เพื่อชวนให้ร่วมลงทุน โดยแจ้งว่าหากทำการลงทุนจะได้รับผลตอบแทนที่สูง ต่อมาคนร้ายได้มีการส่งลิงก์ของแอปพลิเคชันที่ใช้ในการลงทุนมาให้ผู้เสียหาย เพื่อทำการสมัครเพื่อทดลองใช้และทำทีสอน แนะนำในการลงทุน โดยขั้นตอนการสมัครจะต้องทำการกรอกข้อมูลส่วนตัวลงไปในระบบและถ่ายบัตรประชาชนของผู้เสียหาย หลังจากได้รับอนุมัติจากระบบแล้ว ก็สามารถเริ่มการลงทุนได้ และจะโอนเงินเข้าระบบ ก่อนการลงทุนซื้อ-ขาย คริปโตเคอร์เรนซี โดยใช้สกุลเงิน USA ในการลงทุน ต่อมาเมื่อทางผู้เสียหายหลงเชื่อจึงได้ทำการโอนเงินเข้าไปในบัญชีของผู้ต้องหา ทั้งหมด 4 ครั้ง รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 277,200 บาท

กระทั่งเมื่อผู้เสียหายต้องการจะทำการถอนเงินออกจากการลงทุนทางแอป คนร้ายแจ้งว่าไม่สามารถถอนเงินออกจากระบบได้ เนื่องจากเงินที่ผู้เสียหายต้องการถอนมีจำนวนยอดเงินที่เยอะ จากนั้นได้หลอกให้โอนค่าธรรมเนียมหรือโอนค่าภาษีให้เรื่อยๆ เมื่อผู้เสียหายรู้ตัวว่าถูกหลอก จึงได้นำพยานหลักฐานเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน เพื่อให้ดำเนินคดีอาญากับผู้ต้องหาในฐานความผิดร่วมกันฉ้อโกง ที่มีส่วนช่วยเหลือคนร้ายโดยการให้นำบัญชีไปใช้โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย

จากนั้นคนร้ายได้หลบหนี กระทั่งทีมสืบสวนอำพรางตัวเป็นคนส่งของ ไปส่งเค้กในวันคล้ายวันเกิดให้ผู้ต้องหา เพราะสืบทราบมาว่า ในวันที่ 23 ส.ค. จะครบรอบวันเกิด จึงได้วางแผนเซอร์ไพร้ส์วันเกิดด้วยหมายจับ ก่อนเข้าจับกุมตัวไว้ได้ สอบสวน น.ส.ยุ ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ก่อนหน้านี้ได้รับจ้างเปิดบัญชีธนาคาร โดยมีคนพาไปเปิด แต่ตนไม่รู้จักว่าเป็นใคร โดยได้ค่าจ้างบัญชีละ 500 บาท และไม่ยอมให้การใดๆ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.บุปผาราม ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป