เมื่อวันที่ 23 ส.ค. นายสรวิศ ลิมปรังษี โฆษกศาลยุติธรรม ได้อธิบายข้อกฎหมาย กรณีตามที่มีข่าวเกี่ยวกับคดีที่ นายทักษิณ ชินวัตร กลับมาประเทศไทยเพื่อรับโทษตามคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งมีหลายคดีและมีข้อสงสัยเกี่ยวกับวิธีการนับโทษต่อในแต่ละคดีนั้น คดีศาลฎีกาออกหมายจำคุกคดีถึงที่สุดไปเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม ที่ผ่านมามี 3 คดี คดีหมายเลขแดงที่ อม. 4/2551 ลงโทษจำคุก 3 ปี คดีหมายเลขแดงที่ อม. 10/2552 ลงโทษจำคุก 2 ปี และคดีหมายเลขแดงที่ อม. 5/2551 ลงโทษจำคุก 5 ปี

ซึ่งทั้ง 3 คดีศาลมีคำพิพากษาให้นับโทษในคดีหมายเลขแดงที่ อม. 5/2551 ต่อเฉพาะจากโทษในคดีหมายเลขแดงที่ อม. 4/2551 และ อม. 10/2552 ในกรณีนี้ การรับโทษในสองคดีแรกจึงต้องนับระยะเวลาไปพร้อม ๆ กัน เมื่อรับโทษในสองคดีแรกครบ ซึ่งมีกำหนดระยะเวลา 3 ปีครบแล้ว จึงนับโทษในคดีที่สามต่อไป ในเรื่องการนับโทษต่อนี้ ตามปกติจะศาลจะกำหนดไว้ในคำพิพากษาให้นับโทษต่อก็ต่อเมื่อโจทก์มีคำขอให้นับโทษต่อมาในคดีด้วย และการนับโทษต่อจะต้องไม่เกินไปกว่าที่โจทก์ขอเข้ามาในคดี เนื่องจากเป็นการกระทบต่อสิทธิเสรีภาพของจำเลย

สำหรับสองคดีแรกที่ไม่มีการนับโทษต่อกันนั้น ในคดี อม. 4/2551 หรือคดีเกี่ยวกับธนาคารเพื่อการนำเข้าและส่งออก โจทก์มีคำขอให้นับโทษต่อ 2 คดีคือคดีหมายเลขแดงที่ อม.1/2551 หรือคดีที่ดินรัชดาฯ และคดีหมายเลขดำที่ อม.1/2551 หรือคดีหวยบนดิน

แต่ปรากฏว่าในขณะที่ศาลมีคำพิพากษาคดีนี้ เป็นเวลาเกินกว่า 10 ปี นับแต่ศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษในคดีหมายเลขแดงที่ อม. 1/2551 หรือคดีที่ดินรัชดาฯ แล้ว จึงไม่อาจนับโทษต่อจากคดีดังกล่าวได้ ส่วนคดีหมายเลขดำที่ อม. 1/2551 ซึ่งต่อมาเมื่อศาลมีคำพิพากษาแล้วกลายเป็นคดีหมายเลขแดงที่ อม. 10/2552 ที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อนั้น ขณะนั้นศาลยังไม่ได้มีคำพิพากษา จึงยังไม่อาจให้นับโทษต่อได้

ส่วนในคดีหมายเลขแดงที่ อม. 10/2552 หรือ คดีหวยบนดิน โจทก์ขอนับโทษต่อจากคดีหมายเลขแดงที่ อม. 1/2551 หรือคดีที่ดินรัชดาฯ เพียงคดีเดียว และขณะที่ศาลมีคำพิพากษาในคดีนี้ก็ล่วงเลยระยะเวลาการลงโทษสำหรับคดีที่ดินรัชดาแล้ว ทำให้ในคดีหมายเลขดำที่ อม. 1/2551 หรือคดีหวยบนดิน ศาลจึงไม่อาจมีคำพิพากษาให้นับโทษต่อจากคดีที่ดินรัชดาฯ ได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับการนับโทษต่อคดีหมายเลขแดงที่ อม. 4/2551 และคดีหมายเลขแดงที่ อม. 10/2552 ศาลฎีกาฯ นักการเมืองไม่ได้ให้นับโทษต่อ (คดีที่ 1= 3 ปี, คดีที่ 2 = 2 ปี นับโทษซ้อนกัน) แต่ให้นับโทษต่อคดีหมายเลขดำที่ อม. 9/2551 จึงรวมแล้ว จำคุก 3 คดี เป็นระยะเวลา 10 ปี แต่เวลาจำคุกจริง จะมีการนับซ้อนกัน 2 คดี ทำให้เหลือ 8 ปี (3+5)