จากกรณีนโยบายการหาเสียงของพรรคเพื่อไทย เกี่ยวกับการแจกเงินแบบ “ดิจิทัลวอลเล็ต” โดยจะมีการแจกให้กับประชาชนทั่วประเทศ ครอบครัวละ 10,000 บาท ซึ่งล่าสุด ภายหลังจากที่นายเศรษฐา ทวีสิน ที่ปรึกษาพรรคเพื่อไทย ได้มติเสียงส่วนใหญ่จากสมาชิกรัฐสภา ไว้วางใจให้เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 30 ของประเทศไทย และในทางตรงกันข้าม การแจกเงินแบบ “ดิจิทัลวอลเล็ต” อาจไม่สามารถดำเนินการได้จริง เนื่องจากอาจเข้าข่ายผิดกฎหมายของธนาคารแห่งประเทศไทย หรือแบงก์ชาติ นั้น

ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 24 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการสอบถามประชาชนหลากหลายอาชีพ โดยนายศรชัย คร้ามแฉล้ม อายุ 40 ปี อาชีพคนขับรถแท็กซี่ กล่าวว่า ถ้าเรื่องเป็นแบบนี้ถือว่าไม่ดี ตนตั้งใจเลือกพรรคเพื่อไทย ในการเลือกตั้งครั้งนี้มาโดยเฉพาะ เพราะนโยบายที่จะมอบเงินดิจิทัล ช่วยเหลือประชาชนที่มีอายุตั้งแต่ 16 ปีขึ้นไป มีสิทธิได้รับเงินทุกคน แต่พอมาถึงตอนนี้กลับมีข่าวออกมาว่ารัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทย จะไม่สามารถทำโครงการนี้ได้แล้ว เนื่องจากมีงบประมาณไม่เพียงพอ เงินจำเป็นต้องนำไปช่วยเหลืองบผู้สูงอายุก่อน

นอกจากนี้ ยังต้องนำเรื่องดังกล่าวเข้า ครม. ว่าจะทำได้หรือไม่ เรื่องนี้มันไม่สมเหตุสมผล พวกเราเลือกพรรคคุณมา ก็หวังว่าพอเป็นรัฐบาลแล้วจะทำได้อย่างที่พูดโฆษณาหาเสียงไว้เงิน 10,000 บาท มันสำคัญมากกับพวกตนที่เป็นคนหาเช้ากินค่ำ ส่วนบางคนที่พอมีเงินมีฐานะอยู่แล้ว คงไม่รู้สึกอะไร แต่สำหรับพวกตนมันคือความหวัง ถ้าได้เงินมาจริงจ ะแบ่งเงินออกเป็น 2 ส่วน คือ แบ่งไว้ใช้จ่ายซื้อของจำเป็นภายในครอบครัวครึ่งหนึ่ง ส่วนอีกส่วนจะเก็บเอาไว้ซื้ออุปกรณ์การเรียนให้กับลูก ตนอยากให้โครงการเงินดิจิทัล 10,000 บาท ดำเนินการต่อให้สำเร็จ ตามที่พรรคเพื่อไทยหาเสียงและสัญญาไว้กับประชาชน

ส่วนทางด้านนายปริญญา แก้วปู่ อายุ 25 ปี เจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวไก่บุฟเฟ่ต์ 59 บาท by จังหวัดยำ ตั้งอยู่ภายในซอยวัดกู้ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี กล่าวว่า ตนมีความคิดเห็นว่าของฟรีใครก็อยากได้กันทุกคน แต่คงต้องมาแบกรับภาระหนี้สินเหมือนครั้งก่อน เงิน 10,000 บาท สำหรับคนทั่วไปถือว่าเยอะ สามารถนำมาซื้อของอุปโภคบริโภคได้ เศรษฐกิจก็จะดีขึ้นในช่วงหนึ่ง แต่หลังจากนั้นก็จะกลับมาเป็นเหมือนเดิม คนก็ต้องมาแบกรับอย่างอื่น เช่น ค่าไฟขึ้น ค่าน้ำมันขึ้น ค่าครองชีพขึ้น ต้องมานั่งแบกรับ เพราะเงินตรงนี้มาจากภาษีประชาชน ตนคิดไว้อยู่แล้วว่ารัฐบาลคงให้ไม่ได้ เพราะเป็นนโยบายขายฝัน อยู่ดีๆ จะมาให้เงินคนคนละ 10,000 บาท มันก็ไม่ใช่ หากรัฐบาลให้ไม่ได้ ก็อยากให้โครงการคนละครึ่งกลับมามีเหมือนเดิม เพราะอย่างน้อยจะได้เป็นการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะยังดีกว่าไม่ได้อะไรเลย

เมื่อก่อนตนใช้โครงการคนละครึ่งเป็นประจำ ดีที่มีวงเงินจำกัดต่อวัน จึงไม่ได้ใช้ฟุ่มเฟือยอะไรมาก ถามว่าระหว่าง 2 อย่างนี้อยากได้อะไร ตนอยากได้เงินดิจิทัล 10,000 บาท เพราะมันได้เยอะมากกว่า และใช้จ่ายไม่จำกัดต่อวัน และช่วงนี้ต้องเตือนภัย มิจฉาชีพทำแอปพลิเคชันปลอมเกี่ยวกับเงินดิจิทัล 10,000 บาท ซึ่งตนกำลังจะลองโหลดดู ดีที่อ่านข่าวเตือนทันว่าเป็นแอปปลอม จึงยังไม่ได้โหลดมา ไม่งั้นเงินคงหมดบัญชี ถ้าเป็นคนสูงอายุอาจจะเผลอโหลดได้ จึงอยากเตือนเรื่องนี้กับคนที่อยากได้เงินดิจิทัล 10,000 บาท