สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเขตบริหารพิเศษฮ่องกง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 30 มี.ค. ว่า วิทยุเอเชียเสรี (อาร์เอฟเอ) ซึ่งเป็นสื่ออิสระแต่ได้รับความสนับสนุนด้านเงินทุน จากกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ ออกแถลงการณ์เรื่องการปิดสำนักงานในฮ่องกง “ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย” เกี่ยวเนื่องกับการที่ฮ่องกงบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงฉบับใหม่


ด้านคณะผู้บริการฮ่องกงยังไม่มีความเห็นอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่นายคริส ถัง รัฐมนตรีด้านกิจการความปลอดภัยของฮ่องกง เคยประณามอาร์เอฟเอว่า “ใส่ร้ายป้ายสี” ว่าหน่วยงานของฮ่องกงอาศัยอำนาจจากกฎหมายความมั่นคงฉบับใหม่ พุ่งเป้าจัดการสื่อมวลชน และเตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อ “ข้อมูลข่าวสารอันเป็นเท็จ” ที่ปลุกปั่นโดย “กองกำลังต่างชาติ”


ขณะที่นายแอนโทนี บลิงเคน รมว.การต่างประเทศสหรัฐ เสนอรายงานต่อสภาคองเกรส ว่าจีน “ผิดคำมั่นสัญญาอย่างต่อเนื่อง” ในการให้ฮ่องกงมีอำนาจปกครองตนเอง หลังได้รับเกาะแห่งนี้กลับคืน หลังสหราชอาณาจักรครบสัญญาเช่า 99 ปี เมื่อปี 2540 และรัฐบาลปักกิ่งอาจอาศัยกฎหมายนี้ “เดินหน้าภารกิจกดดันข้ามชาติ” ต่อผู้ลี้ภัยทางการเมือง ทั้งที่อยู่ภายในฮ่องกง และต่างประเทศ


ทั้งนี้ อาร์เอฟเอ ซึ่งก่อตั้งเมื่อปี 2539 และให้บริการใน 9 ภาษาของเอเชีย เป็นสื่อจากต่างประเทศแห่งแรก ที่ปิดสำนักงานในฮ่องกง นับตั้งแต่กฎหมายความมั่นคงฉบับใหม่มีผลบังคับใช้ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว


กฎหมายดังกล่าวเป็นที่รู้จักสำหรับชาวฮ่องกงว่า “กฎหมายมาตรา 23” จากการที่คณะผู้บริหารฮ่องกง อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 23 ของเบสิก ลอว์ หรือกฎหมายพื้นฐานของฮ่องกง ที่ระบุว่า ฮ่องกงควรบัญญัติกฎหมายเป็นของตัวเอง เพื่อยับยั้งการกระทำการใดก็ตาม ที่เป็นการทรยศ การแยกตัว การยุยงปลุกปั่น และการโค่นล้มรัฐบาลปักกิ่ง


กฎหมายแบ่งฐานความผิดออกเป็น 5 ประการ ได้แก่ การก่อกบฏ การปลุกระดม การจารกรรมและการขโมยข้อมูลรัฐ การก่อวินาศกรรมเพื่อทำลายความมั่นคง และการแทรกแซงจากภายนอก มีบทลงโทษสูงสุด จำคุกตลอดชีวิตสำหรับ “การก่อวินาศกรรมที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติ” ซึ่งรวมถึง การก่อกบฏและการปลุกระดม บทลงโทษจำคุกนานสูงสุด 20 ปี สำหรับการจารกรรม และบทลงโทษจำคุกนานสูงสุด 14 ปี เกี่ยวกับการแทรกแซงจากภายนอก.

เครดิตภาพ : AFP