พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวอีกว่า กรณีสังคมจับตาว่าเป็นการวิสามัญเพื่อตัดตอน ยืนยันเป็นการปฏิบัติตามกฎหมาย เพราะคนร้ายมีอาวุธปืน และเมื่อวิสามัญ ตำรวจก็ต้องแจ้งข้อหาและสั่งเป็นคดีวิสามัญ โดยจะเป็นความรับผิดชอบของ ภ.จว.กาญจนบุรี ขณะนี้มี พ.ร.บ.อุ้มหายบังคับใช้แล้ว บ้านเมืองมีกล้องวงจรปิด และมีขั้นตอนการตรวจสอบเยอะ ตำรวจคงไม่กล้าทำอะไรผิด ย้ำว่ากำนันนกไม่มีทางหลุดรอดคดีแน่นอน พร้อมสั่งคัดค้านการประกันตัว

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังกล่าวถึง การไปกินเลี้ยงที่บ้านกำนันนกว่า มีการไปกินเลี้ยงกันทุกเดือน หมายความว่ากำนันนกเองอยากมีบารมีจึงเรียกตำรวจไป ซึ่งตำรวจพวกนี้ก็ไปรับใช้ “เขาให้รับใช้ประชาชน ไม่ใช่รับใช้คนพวกนี้”

ช่วงท้าย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ วันนี้ตำรวจทุกคนมีดีมากกว่าที่ไม่ดี ไม่อย่างนั้นองค์กรอยู่ไม่ได้ เพราะฉะนั้นวันนี้ถือว่า ผู้การ, ผู้กำกับ ถือเป็นจุดแตกหักสำคัญของกรมตำรวจ ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติต้องเข้มแข็ง ตำรวจเองถูกฝึกมาถูกสร้างมาให้รับใช้ประชาชน ไม่ใช่ไปรับใช้กลุ่มคนเหล่านี้ ที่ไม่มีความรู้ ไม่ได้จบอะไรมาเลย แค่ทำธุรกิจแล้วร่ำรวยไปเฉยๆ

จากนี้ผู้บังคับบัญชาในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ คงต้องเข้มงวดมากขึ้น ในส่วนของผู้การ ต้องลงไปเข้มงวดลูกน้องตัวเอง ไม่ใช่เอาเวลาไปเดินตามคนเหล่านี้

“ต้องเรียนว่าว่าทุกวันนี้อยู่กันจนไม่เกรงใจ ตำรวจมีเส้นแบ่งบางๆ ถ้าเลยเส้นแบ่ง ตำรวจกลายเป็นโจร วันนี้เมื่อตำรวจไปสนับสนุนเขา มันก็จะกลายเป็นแบบนี้ ความเกรงใจมันก็หมด ก็จะกลายเป็นลูกน้องเขา เขานึกจะตบโต๊ะก็ตบโต๊ะ ก็อยู่อย่างไม่มีศักดิ์ศรี ดังนั้นผู้การและผู้กำกับต้องไปทบทวนตัวเอง อยู่มานานปล่อยให้มีคนแบบนี้ซุกอยู่ได้อย่างไร ปล่อยให้มีคนที่จะพกปืน แล้วพกปืนแบบนี้ได้อย่างไร แล้วต่อไปชาวบ้านจะไปหาความปลอดภัยได้ที่ไหน” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าว

ส่วนนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ยังไม่ได้สั่งการกำชับมาโดยตรง แต่ทราบว่ามีการพูดคุยผ่านผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แต่ตนเชื่อมั่นว่า ท่านเองคงต้องเข้มงวดในเรื่องการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบด้วยกฎหมายเช่นกัน

ทั้งนี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เวลา 10.00 น. จะเดินทางไปที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 7 เพื่อสอบปากคำตำรวจที่อยู่ในเหตุการณ์.