เมื่อวันที่ 9 ก.ย. นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สส.กทม. ในฐานะรองเลขาธิการพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมตัวอภิปรายการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา 11-12 ก.ย. ว่า วันที่ 8-10 ก.ย. 30 ขุนพลของพรรค อบรมกัน 3 วัน ที่พรรคก้าวไกล หัวหมู่ทะลวงฟันคือ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะรองหัวน้าพรรค เป็นผู้อภิปรายเปิดเป็นคนแรก ผู้อภิปรายปิดสรุปประเด็นสุดท้าย คือนายวิโรจน์ ลักขณาอดิสร สส.บัญชีรายชื่อ นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรค อภิปรายนโยบายด้านการเมือง ผู้อภิปรายด้านเศรษฐกิจคนอื่นๆ มีอาทิ นายอภิสิทธิ์ ไล่ศัตรูไกล สส.บัญชีรายชื่อ เป็นต้น 30 ขุนพลมีทั้งหน้าเก่าหน้าใหม่ รับรองได้เห็นลีลาอภิปราย เกี่ยวกับนโยบายสำคัญแน่นอน 

รองเลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวต่อว่า ครั้งนี้รับรองความเข้มข้นแน่นอน เรามี คณะกรรมการกลั่นกรองผู้อภิปราย อาทิ น.ส.ศิริกัญญา นายชัยธวัช นายวิโรจน์ พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล กรรมการบริหารพรรคก้าวไกล คณะกรรมการฯ คัดกันอยู่ 1 สัปดาห์ โดยให้ สส. ทั้ง 66 คน ที่ต้องการอภิปราย ทยอยมาเล่ามุมมอง และข้อมูลของตนเองเกี่ยวกับการอภิปราย สุดท้ายจาก 66 คน คัดจนเหลือ 30 คน ทั้งนี้ผู้ที่ไม่ผ่านการคัดสรร ไม่ใช่ว่าข้อมูลไม่ดี แต่เรานำข้อมูลไปให้เพื่อน สส. ผู้อภิปราย ขมวดปมพูดในสภาแทน เนื่องจาก พรรคก้าวไกลต้องบริหารเวลาที่ได้รับมา 720 นาที ให้อภิปรายนโยบายรัฐได้ครอบคลุมทั้งหมด เช่น นโยบายเกี่ยวกับกองทัพ หรือปฏิรูปกองทัพ มีนายชัยธวัช เป็นขุนพลนำอภิปราย 

นายณัฐชา กล่าวว่า เมื่อเห็นข้อมูลที่ สส. พรรครวบรวมเตรียมอภิปรายแล้ว ได้ความรู้สึกถึงนโยบายรัฐที่วนเวียนซ้ำซาก นำนโยบายเก่าๆ มาปัดฝุ่น รัฐมนตรีก็หน้าเดิม ๆ เปลี่ยนเพียงแค่หัวคือนายกฯ ซึ่งในรายละเอียด รัฐบาลคงน่าจะให้รัฐมนตรีตอบรายกระทรวง แต่ในฐานะที่นายเศรษฐา เป็นผู้นำรัฐบาลใหม่ มองว่า จะต้องลุกขึ้นชี้แจงในทุกๆ กระทรวงด้วยตนเองด้วย จะได้เห็นข้อแตกต่างว่า แม้จะเป็นรัฐมนตรีหน้าเดิมๆ นโยบายซ้ำซาก วนเวียนเดิมๆ แต่ภายใต้นายกฯ คนใหม่ ประชาชนจะได้อะไร 

เมื่อถามว่า อยากฝากเตือนอะไรถึงนายเศรษฐา โดยเฉพาะเรื่องการควบคุมอารมณ์ในการเข้าสภาครั้งแรก ไม่ให้เหมือนนายกฯ คนเก่า หรือไม่ เนื่องจากก่อนหน้านี้ในโลกออนไลน์ วิจารณ์คลิปนายกฯ โยนปากกาหรือไม่ นายณัฐชา กล่าวว่า ก็เป็นนายกฯ คนใหม่ ตนไม่อยากให้ประชาชนได้เห็นภาพอะไรเดิมๆ ฝากให้นายเศรษฐา เข้าสภาครั้งนี้ ทำตัวเหมาะสมกับการเป็นนายกฯ คนใหม่ของประเทศไทย.