เมื่อวันที่ 10 ก.ย. ที่บริเวณพื้นที่ ส.ป.ก. หมู่ 15 บ้านนาขาม ต.นาขาม อ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์ นายศุภศิษย์ กอเจริญยศ ผวจ.กาฬสินธุ์ นายธวัชชัย รอดงาม รอง ผวจ.กาฬสินธุ์ พร้อมด้วย นายโรมรัก ภูหวล ป้องกันจังหวัดกาฬสินธุ์ ลงพื้นที่ตรวจสอบหลักฐานคัดไม้ประดู่ โดยมี นายอดิศร คงสมกัน หัวหน้าชุดปฏิบัติการพิเศษป่าไม้พิเศษกาฬสินธุ์ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง อ.กุฉินารายณ์ ทหาร กอ.รมน.จ.กาฬสินธุ์ตำรวจ เจ้าหน้าที่ ส.ป.ก. ชาวบ้าน ร่วมให้ข้อมูล

โดยจากการสอบพบว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ ส.ป.ก.จำนวน 44 ไร่ ซึ่งเคยเป็นป่าสงวนแห่งชาติก่อนที่จะเสื่อมโทรมและ ส.ป.ก. พบต้นไม้ประดู่อายุ 60-80 ปีถูกตัดวางเป็นท่อนกองจำนวนมาก บางต้นมีเส้นผ่าถึง 125 ซม. โดยเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจยึดทั้งรถบรรทุก รถเครน และไม้ประดู่ รวม 72 ท่อน ที่พบว่ามีต้นไม้ประดู่ถูกตัดไปถึง 38 ต้น มูลค่าประเมิน 1,500,000 บาท

นายศุภศิษย์ กอเจริญยศ ผวจ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า สำหรับการตัดไม้ในพื้นที่ ส.ป.ก. ยังมีกฎข้อห้ามครอบคลุม หากมีการตัดไม้ ทั้งไม้ประดู่ ไม้พะยูง หรือไม้หวงห้ามประเภทอื่นๆ โดยไม่ได้ขออนุญาต มีความผิดตามกฎหมาย นอกจากนี้หากมีการตัดไม้ประเภทอื่นๆ ที่อยู่ใกล้แนวเขตป่าสงวนแห่งชาติ ก็ต้องขออนุญาตด้วยเช่นกัน ทั้งนี้เพื่อป้องกันการกระทำผิดกฎหมาย และเกี่ยวโยงขบวนค้าไม้ข้ามขาติ

“กรณีที่มีการตัดไม้ประดู่ ในที่ ส.ป.ก.ครั้งนี้ ถึงแม้จะเป็นในที่ ส.ป.ก. มีผู้ได้รับอนุญาตใช้ประโยชน์ชัดเจน แต่มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ทำประโยชน์ทำกิน ไม่ใช่ให้ตัดไม้หวงห้าม จึงจะมีการพิจารณาลงโทษตามกฎหมาย ทั้งทางยึดคืนพื้นที่และคดี เนื่องจากกระทำผิดหลักเกณฑ์การพื้นที่ ส.ป.ก. และในส่วนผู้ต้องหารายอื่น ซึ่งรวมทั้งหมด 6 คนนั้น ทางจังหวัดจะได้ประสานพนักงานสอบสวน สภ.กุฉินารายณ์ เจ้าของคดี เพื่อคัดค้านการประกันตัว ในชั้นพนักงานสอบสวน รวมทั้งรวบรวมพยานหลักฐาน ทางโทรศัพท์ของผู้ต้องหากลุ่มนี้เพราะเชื่อว่าทำเป็นขบวนการและเชื่อมโยงขบวนการค้าไม้ข้ามชาติ ทั้งไม้พะยูง และไม้ประดู่ด้วย อย่างไรก็ตาม จะได้ติดตามการทำสำนวนของพนักงานสอบสวนในเชิงลึกต่อไป” ผวจ.กาฬสินธุ์ กล่าว

สำหรับกรณีตัดไม้ประดู่ในพื้นที่ส.ป.ก.ครั้งนึ้ เกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 14.40 น. ของวันที่ 9 ก.ย.66 ชาวบ้านได้แจ้งไปทางจังหวัด จึงได้เข้าตรวจสอบ โดยการนำของผู้อำนวยการสำนักจัดการ ทรัพยากรป่าไม้ที่ 7 นายอำเภอกุฉินารายณ์ ผู้กำกับการ สภ.กุฉินารายณ์ ผู้อำนวยการส่วนป้องกัน รักษาป่าและควบคุมไฟป่า ผู้อำนวยการศูนย์ป่าไม้กาฬสินธุ์ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษป่าไม้กาฬสินธุ์ ร่วมกับเจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ กส.5 (บัวขาว) เจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ (ดงมูล) เจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ กส.3 (ภูพาน) เจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ กส.2(ดงแม่เผด) ปลัดอำเภอกุฉินารายณ์ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กุฉินารายณ์ กอ.รมน.จ.กาฬสินธุ์ ได้ร่วมกัน ตรวจยึดรถเครน ยี่ห้ออีซูซุ สีขาว หมายเลขทะเบียน 43-0188 อุดรธานี จำนวน 2 คัน, รถเทรนเลอร์ หัวลาก ยี่ห้อฮีโน่ สีน้ำเงิน หมายเลขทะเบียน 70-4145 หนองคาย พร้อมพ่วงหมายเลขทะเบียน 70-327/3 เลย จำนวน 1 คัน, รถยนต์บรรทุก 10 ล้อ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว หมายเลขทะเบียน 70-3550 หนองคาย จำนวน 1 คัน, เลื่อยโซ่ยนต์ ยี่ห้อสติล สีส้ม – ขาว พร้อมบาร์โซ่ ไม่มีหมายเลขเครื่อง จำนวน 1 เครื่อง, เลื่อยโซ่ยนต์ ยี่ห้อเทารัส สีดำ – แดง พร้อมบาร์โซ่ ไม่มีหมายเลขเครื่อง พร้อมไม้ประดู่ จำนวน 72 ท่อน ปริมาตร 44.323 ลูกบาศก์เมตร

ทั้งนี้ ผู้ต้องหา 6 คน ประกอบด้วย 1.นายสุรวุฒิ อายุ 29 ปี เป็นผู้ขับรถเครน 2.นายโก้เก๋ อายุ 33 ปี เป็นผู้ขับรถเทรนเลอร์หัวลาก 3.นายมนูญ อายุ 42 ปี เป็นผู้ขับรถยนต์บรรทุก 10 ล้อ 4.นายเครื่อง อายุ 55 ปี เป็นเจ้าของเลื่อยโซ่ยนต์ จำนวน 2 เครื่อง 5.นายจิต อายุ 74 ปี เป็นผู้รับซื้อไม้ประดู่ 6.นายประยูร อายุ 72 ปี เป็นเจ้าของที่ดินที่อ้างว่ามีเอกสารการใช้ประโยชน์ ส.ป.ก.4-01 ในที่ดินแปลงดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นพนักงานสอบสวน สภ.กุฉินารายน์ ได้แจ้งข้อกล่าวหากับผู้ต้องหาทั้ง 6 คน ในข้อหา “กระทำผิด พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 11 ฐานร่วมกันทำไม้โดยไม่ได้รับอนุญาต มาตรา 69 ฐานร่วมกันมีไม้ท่อนหวงห้ามอันมิได้แปรรูปไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต มาตรา 70 ฐานร่วมกันรับไว้ด้วยประการใด ซ่อนเร้น จำหน่ายหรือช่วยพาเอาไปเสียให้พ้น ซึ่งไม้ที่ตนรู้อยู่แล้วว่าเป็นไม้ที่มีผู้ได้มาโดยการการกระทำผิด พ.ร.บ.เลื่อยโซ่ยนต์ พ.ศ.2545 มาตรา 4 ฐานมีเลื่อยโซ่ยนต์ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต” สำหรับท่อนไม้ประดู่และของกลาง เจ้าหน้าที่ได้ตรวจยึดและนำไปเก็บรักษาที่หน่วนป้องกันและรักษาป่า กส.5 (บัวขาว) เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย ทั้งนี้ ผู้ว่าฯ กาฬสินธุ์ ขอขอบคุณเครือข่ายป้องกันรักษาป่าไม้ที่แจ้งเบาะแสการตัดไม้อย่างต่อเนื่อง