เมื่อวันที่ 17 ก.ย. ที่ นิคมอุตสาหกรรมบางปู จ.สมุทรปราการ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีเป็นประธานการประชุมขับเคลื่อนการป้องกัน ปราบปราม และแก้ไข ปัญหายาเสพติด โดยมี  ฝนายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายก รมว.มหาดไทย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข นายพรหมมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี นางพงษ์สวาท กายอรุณสุทธิ์ ปลัดกระทรวงยุติธรรม นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส. พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและหัวหน้าหน่วยราชการจากกระทรวงแรงงาน กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมประชุม



นายเศรษฐา กล่าวตอนหนึ่งว่า วันนี้ทุกคนต่างรู้ดีว่าปัญหายาเสพติดกระจายอยู่ทุกหย่อมหญ้า ขณะที่ตนลงพื้นที่หาเสียง มีประชาชนเข้ามาร้องเรียน และเชื่อว่าพรรคร่วมรัฐบาลทั้งหลายที่ลงพื้นที่หาเสียงต่างก็พบเจอปัญหาเช่นกัน ดังนั้นพรรคร่วมรัฐบาลเราจึงให้ความสำคัญ และให้คำมั่นสัญญาว่าจะทำให้การแก้ไขปัญหายาเสพติดเป็นวาระชาติ โดยตนจะนั่งหัวโต๊ะเพื่อแก้ปัญหาให้หมดไปในระยะเวลาอันสั้น ทั้งการเปลี่ยนจากผู้เสพเป็นผู้ป่วย บำบัดรักษาดูแลและส่งคืนอ้อมกอดของพ่อแม่ สามารถประกอบอาชีพที่เหมาะสม ขณะเดียวกันก็ต้องมีการป้องกันในระยะต้นน้ำไม่ให้มีการเสพ ส่วนระยะสุดท้าย เมื่อมีการยึดยาเสพติดของกลางมาแล้ว จะต้องมีการกระชับเวลาในการทำลายให้สั้นลง รวมถึงเรื่องของระยะเวลาการยึดทรัพย์ เพราะหากใช้เวลานานจะทำให้ผู้ผลิตมีต้นทุนที่แข็งแกร่งสามารถกลับมาผลิตยาเสพติดได้อีก ตลอดจนจะต้องมีมาตรการในการป้องกัน การลักลอบนำเข้ายาเสพติดเข้ามาในประเทศ ทั้งหมดทั้งมวลนี้ถึงอย่างไรก็ต้องมีจุดเริ่มต้น และขอให้วันนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ในการขจัดปัญหาออกจากสังคมไทย

“ในฐานะนายกฯ ขอเป็นกำลังในการคุมทุกหน่วยงานรวมถึงประชาชนมาร่วมกันแก้ปัญหา ทำงานภายใต้หลักนิติธรรม นิติรัฐทำให้ประชาชนเชื่อมั่นได้อยากทำงานร่วมกับรัฐ รู้สึกปลอดภัยที่จะแจ้งเบาะแสให้กับเจ้าหน้าที่ รัฐบาลนี้เอาจริง ผมขอตั้งเป้าที่ชัดเจนให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ปัญหายาเสพติดจะต้องลดลงให้ได้ภายใน 1 ปี วันนี้ที่ผมมาเป็นสักขีพยานการเขาทำลายยาเสพติดครั้งนี้ซึ่งเป็นผลงานในการปราบปรามยาเสพติด ขอบคุณทุกคนที่จะคืนลูกหลานให้กับชุมชน วันนี้เป็นตัวอย่างของการใช้กฎหมายยาเสพติดอย่างมีประสิทธิภาพที่เปิดให้เราเผาทำลายยาเสพติดได้เลย รัฐบาลนี้จะต้องทำให้ยาบ้าหมดไปให้ได้ นำมาทำลายให้หมด” นายกฯ กล่าว และว่า ผู้ค้าต้องถูกจัดการอย่างเด็ดขาด คน เหล่านี้เป็นอาชญากร ไม่กลัวการติดคุกติดตาราง แต่กลัวการยึดทรัพย์เหล่า จึงต้องจัดการให้เด็ดขาดอย่าให้เกิดการถ่ายโอน

จากนั้นในเวลา 14.30 ณ บริษัท อัคคีปราการ จำกัด นายเศรษฐาได้เป็นประธานในพิธีเผาทำลายยาเสพติดของกลาง จากคดียาเสพติด 100 คดี โดยเป็นยายาบ้า 12,522 กิโลกรัม ไอซ์ 11,656 กิโลกรัม เฮโรอีน 418 กิโลกรัม ฝิ่น 179 กิโลกรัม คีตามีน 704 กิโลกรัม และสารเสพติดอื่น ๆ น้ำหนักรวม 25,517 กิโลกรัม ซึ่งทำลายโดยการเผาไหม้ด้วยระบบเตาเผาอุณหภูมิสูง 2 ชุด เผาไหม้ที่ 800-1,200 องศาเซลเซียส ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง พร้อมระบบควบคุมมลพิษอากาศที่มีประสิทธิภาพสูง สามารถทำลายได้หมดสิ้น และไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและประชาชน



ด้านนายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส. ได้กล่าวถึงการเผาทำลายยาเสพติดตามประมวลกฎหมายยาเสพติดที่สามารถทำได้รวดเร็วขึ้น ไม่ต้องรอคดีสิ้นสุดซึ่งบางคดีใช้เวลาเป็น 10 ปีซึ่งช่วยลดภาระในการเก็บรักษาได้จำนวนมาก

ทั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กระทรวงสาธารณสุขได้แต่งตั้งให้สำนักงาน ป.ป.ส. เป็นสถานที่เก็บรักษายาเสพติดของกลาง เมื่อวันที่ 8 มี.ค. 2566 เพื่อให้การดำเนินการเก็บรักษายาเสพติดของกลางเป็นไปตามระเบียบคณะกรรมการ ป.ป.ส. ว่าด้วยการตรวจรับ การตรวจพิสูจน์ การเก็บรักษา การทำลาย การนำไปใช้ประโยชน์ และการรายงานยาเสพติด พ.ศ. 2565 ทำให้ กระบวนการ ตรวจรับเก็บรักษาและทำลายยาเสพติด สามารถดำเนินการได้โดย สำนักงาน ป.ป.ส. เพื่อให้กระบวนการทำลายยาเสพติดทำได้รวดเร็วขึ้น และลดภาระการเก็บรักษา พร้อมสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนว่ายาเสพติดที่จับมาได้นั้น จะถูกทำลายโดยเร็วหลังการตรวจพิสูจน์ ไม่มีการนำมาเวียนขายได้ โดยจะเผาทำลายยาเสพติดอย่างต่อเนื่อง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ประจำจุดเผาทำลายยาเสพติดได้มีการอธิบายถึงขั้นตอนวิธีการว่า หลังมีการจับกุมแล้วจะมีการส่งพนักงานสอบสวน ส่วนยาเสพติดจะบรรจุปิดฉลากลงลายมือชื่อผู้จับกุม นำส่งสถาบันตรวจพิสูจน์ เพื่อยืนยันว่าเป็นยาเสพติดจริงหรือไม่ ปริมาณเท่าไหร่ เป็นยาชนิดไหน โดยมี 3 หน่วยงานตรวจสอบร่วมกันคือ สำนักงานป.ป.ส. โดยสถาบันวิชาการและตรวจพิสูจน์ยาเสพติด สำนักงานพิสูจน์หลักฐาน ของตำรวจและกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์,ของกระทรวงสาธารณสุข โดยของกลางจะมีการเก็บในห้องมั่นคง ป.ป.ส. รอกระบวนการทางคดีเสร็จสิ้นและจะนำเข้าสู่กระบวนการเผาทำลาย.