โดย “นายกฯเศรษฐา” หอบคณะร่วมประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ 78 (UNGA 78) ที่สหรัฐอเมริกา มีคิวแน่นเอียด พบผู้นำโลกหลายชาติ ทั้งประธานาธิบดีเกาหลีใต้ นายกรัฐมนตรีเวียดนาม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เลขาธิการสหประชาชาติ ประธานฟีฟ่า และได้ร่วมงานเลี้ยงรับรอง ที่ประธานาธิบดีโจไบเดน ของสหรัฐฯ จัดขึ้น

นอกจากนี้“นายกฯเศรษฐา” ยังได้จับเข่าคุยกับนักธุรกิจระดับไฮเอน แถมยังวีดีโอคอลกับ อีลอนมัส หวังดึงเทสลามาติดตั้งฐานการผลิตในประเทศไทย

งานนี้นายกฯเศรษฐาได้กล่าวถ้อยแถลงบนเวทีประชุมระดับผู้นำ SDG Summit 2023 ได้ปักหมุดหมายการพัฒนาที่ยังยืน ประเทศไทย เท 1.2 หมื่นล้านดอลลาร์ ลงทุนในธุรกิจสีเขียว พร้อมชูธงเศรษฐกิจพอเพียง

เป็นการจุดประกายความหวังของคนไทยที่จะมีเงินเข้ากระเป๋าฟื้นความยากจน เป็นก้าวแรกของการเดินเครื่องปั่นผลงาน โดยเฉพาะการเติมเงินลงในระบบเศรษฐกิจ

แม้จะเจอกลุ่มจ้องแซะ ขุดปมถลุงงบ 30 ล้านบาทเช่าเหมาลำเครื่องการบินไทย แถมยังพกศรีภรรยา คุณหมอพักตร์พิไล ทวีสิน และลูกไปด้วย ทำเอาต้อง “นายกฯเศรษฐา” ต้องออกมาชี้แจง ว่า การตัดสินใจเช่าเหมาลำของการบินไทยราคาถูกกว่าส่วนราชการ โดยมีการเปรียบเทียบราคาโปร่งใส ใช้ระบบ Ebidding ประกวดราคาแบบเปิดเผย สามารถตรวจสอบในเว็บไซต์ได้  และการมาเครื่องของการบินไทยนายกฯ ก็นั่งแค่ชั้น Business เหมือนข้าราชการระดับสูง ส่วนภรรยาที่ต้องมาด้วยเป็นไปตามคำเชิญ แต่ลูกสาวมาเพื่อช่วยงานแม่ที่ต้องออกไปดูงานผู้สูงอายุซึ่งลูกสาวได้ออกค่าใช้จ่ายเอง

เป็นธรรมดาแรงเสียดทานที่เกิดขึ้น แต่ชีวิตจริงต้องไปต่อและยังต้องมีเวทีเฉิดฉายอีกหลายประเทศ  ถึงแม้การเดินหน้าของ “นายกฯเศรษฐา” จะไม่แคร์เดินหน้าลุยต่อไม่รอแล้ว เพราะได้ประกาศไปแล้วว่า งานนี้ผมและพรรคเพื่อไทยได้เทหมดหน้าตักที่พลิกฟื้นประเทศ ให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

จึงได้เห็นลุค “นายกฯเศรษฐา” ในช่วง 2 สัปดาห์ของนายกฯป้ายแดง อะไรๆก็ดูแปลกใหม่ตามสไตล์ “เศรษฐา “ทั้งคิดเร็ว ทำเร็ว พลาดเร็ว แต่ก็ลุกเร็ว  การปั่นงานสไตล์ “เศรษฐา” หาร 2 ที่สำคัญยังมีความกล้าที่จะประกาศว่า อะไรที่กฎหมายไม่ห้ามให้เดินหน้าทำได้เลยทำเอาบรรดาข้าราชการขนหัวลุก

และที่ขนหัวลุกไปกว่านั้นเมื่อนักข่าวในทำเนียบฯได้รู้จากปาก “นายกฯเศรษฐา”ว่าจะนอนที่ทำเนียบฯ 3-4 วันต่อสัปดาห์ ผิดกับสไตล์ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ติดกรอบระบบราชการระมัดระวังทุกฝีก้าว

งานนี้ถือว่าเป็นช่วงของการปรับตัวของข้าราชการต้องปรับตัวแบบ 360 องศา! เพราะ “นายกฯเศรษฐา”

ต้องเร่งสานต่อเงินดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาทให้ออกมาเป็นที่จับต้องได้ ทามกลางกระแสร้อนๆ ที่ผุดขึ้นมาระหว่าง “นายกฯเศรษฐา” ออนทัวร์อยู่ที่นครนิวยอร์ค ว่า จะปลดผู้ว่าแบงก์ชาติเพราะไปขวางทาง เงินดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท

ร้อนถึง “ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรมว.คลัง ประธานกรรมการด้านวิชาการ พรรคพลังประชารัฐ ต้องออกมากระตุก ว่า การที่ เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ” ผู้ว่าฯ”แบงก์ชาติ” กล่าวถึงหารือกับ นายกฯเศรษฐา ในเรื่องนโยบายเงินดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท ว่า “ต้องรอดูความชัดเจนของรูปแบบในการทำนโยบายดังกล่าวก่อน ซึ่งถ้าออกมาเป็น Digital Asset ทาง แบงก์ชาติ ยืนยันมาตลอดว่าไม่สนับสนุน เพราะจะกลายเป็นตัวกลางชำระเงิน ไม่เอื้อต่อเสถียรภาพ แต่หากเป็น e-money ก็เป็นรูปแบบที่มีอยู่ในระบบปัจจุบัน ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้น ต้องดูว่าไปเกิดอุปสงค์กระตุ้นเศรษฐกิจและผลกระทบการคลังอย่างไร รวมทั้งการดำเนินนโยบายต่างๆ ควรเป็นรูปแบบเฉพาะกลุ่ม ซึ่งจะช่วยประหยัดงบประมาณได้มากกว่า เพราะไม่ใช่ทุกคนที่จะต้องการเงิน 1 หมื่นบาท”

กรณีนี้ขอแนะนำนายกเศรษฐา ว่า ควรรับฟังความเห็นของผู้ว่าฯแบงก์ชาติ การปลดผู้ว่าฯแบงก์ชาติไม่ง่ายและมีพ.ร.บ.ธปท.ป้องกันไว้ และควรรับฟังความเห็นของผู้ว่าฯ”แบงก์ชาติ” ซึ่งเป็นการให้ข้อมูลเชิงวิชาการ ไม่มีอคติทางการเมืองแอบแฝง

“นายกฯเศรษฐา” ก็อยู่ไม่ติดรีบปฏิเสธสยบข่าวว่า ไม่เคยมีความคิดที่จะปลดผู้ว่าฯแบงก์ชาติ และก็พร้อมฟังความเห็นของผู้ว่าฯแบงก์ชาติ ขอความเป็นธรรมด้วย  ถือเป็นการสยบข่าวลือได้อีกเปราะ แต่ก็ต้องจับตาดูว่าผลที่สุดแล้วจะจูงมือเดินหน้าไปได้นานแค่ไหน

ขณะที่สถานการณ์การเมืองเกิดกระแสร้อน ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กับการออกมาโวยของ 2 รมช.เกษตรฯ ที่ออกมาสบถดังๆว่า มีการแบ่งงานไม่เหมาะสม ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตร ได้รวบตรึงงานสำคัญๆไว้หมดขอเคลียร์ด่วน ต้องรอดูว่าเรื่องนี้ เสี่ยอ้วน “ภูมิธรรม เวชชยชัย” รองนายกฯและรมว.พาณิชย์ จะเอาอยู่ไหม หรือต้องให้ถึงมือ “นายกฯเศรษฐา” ออกมาทุบโต๊ะ

ขั้วด้อมส้มเจอวิบากกรรมโดยการเปิดสนามรบโซลเชียลเหลืองแดง ที่ฮือฮา คือ การไล่ล่าแม่มด ขอ “อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล” ที่ปรึกษารองประธานสภาฯ คนที่ 1ของ “หมออ๋อง” ปดิภัทธ์ สันติภาดา ที่ดูว่าไม่เหมาะสมจนต้องออกมาขอโทษ และพร้อมที่รับผิดชอบ

ขณะเดียวกัน”หมออ๋อง” เองก็เจอกระแสก็โดนไล่บี้หนัก จาการไปถลุงงบสภา 1.3 ล้าน หอบสส.ก้าวไกลออนทัวร์ สิงคโปร์ แต่เจ้าตัวออกมาชี้แจว่า “ใช้งบน้อยกว่าสิทธิ พร้อมจะแสดงใบให้ตรวจสอบ นอกจากการดูงานในด้านสิ่งแวดล้อม ที่รวมถึงกฎหมายที่บังคับใช้เพื่อแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 แล้ว จะไปดูพิพิธภัณฑ์ด้วย เพื่อนำมาปรับใช้กับพิพิธภัณฑ์ของรัฐสภา เพื่อส่งเสริมประชาธิปไตย

เป็นอีก 1 เกมกระตุก “หมออ๋อง” ให้พ้นจากเก้าอี้รองประธานสภาคนที่ 1 ที่มีปมผูกโยงไปถึงตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้าน และเป็นตำแหน่งที่สำคัญจน พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ต้องออกมาทิ้งเก้าอี้หัวหน้าพรรคก้าวไกล หลีกทางให้หัวหน้าพรรคคนใหม่ขึ้นผู้นำฝ่ายค้าน เพราะรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ว่า ผู้นำฝ่ายค้านจะต้องเป็นบุคคลที่เป็นสส. เป็นหัวหน้าพรรคการเมืองในสภาฯ ที่มีสส.มากที่สุด โดยที่สส. ในพรรคไม่ได้เป็นรัฐมนตรี, ประธานสภาฯ, รองประธานสภาฯ 

ปมนี้เป็นแรงบีบให้“หมออ๋อง”จะต้องทิ้งตำแหน่งรองประธานสภาฯ แต่ขณะเดียวกันพรรคก้าวไกลก็ยังไม่อยากเสียตำแหน่งเตรียมแผนขับ”หมออ๋อง” ออกจากพรรคเอาไว้ โดยมีพรรคเป็นธรรมอ้าแขนรับอยู่ ทั้งนี้ก็เพื่อรักษาเก้าอี้รองประธานสภา และก็ยังได้ตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านด้วย

วิบากกรรมด้อมส้มยังไม่จบกับคำสั่งของศาลฎีกาศาลฎีกามีคำพิพากษาตัดสิน ช่อพรรณิการ์ วานิช ผิดจริยธรรมร้ายแรงกรณีโพสต์ข้อความพาดพิงสถาบันฯและไม่ยอมลบภาพที่โพสต์ เป็นการแสดงออกถึงความไม่เคารพเทิดทูลต่อสถาบันพระมหากษัตริย์  จึงสั่งเพิกถอนสิทธิรับสมัครเลือกตั้งตลอดไปและไม่มีสิทธิดำรงตำแหน่งทางการเมืองจากคำสั่งดังกล่าวเท่ากับเป็นการประหารชีวิตทางการเมือง

ทำเอาคนมโนไปไกลว่าคดีนี้เหมือนเป็นการส่งสัญญาให้รู้ว่า อาจจะเป็นคดีนำร่องไปสู่คดีที่พรรคก้าวไกลถูกร้องปมล้มล้างการปกครอง กรณีเสนอให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับหรือไม่ เป็นเรื่องที่ต้องจับตาต่อไป

ส่วนบริบทของพรรคเพื่อไทยกับการชู “อุ๊งอิ๊ง” แพรทองธาร ชินวัตร  หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และรองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์เพาเวอร์แห่งชาติ ขึ้นหิ้งเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย โดยสมาชิกพรรคต่างให้การสนับสนุน เพราะเห็นว่าเป็นคนรุ่นใหม่ ที่มีความเหมาะสมน่าจะสามมรถนำพาพรรคไปสู่ความสำเร็จได้ และเข้าใจสถานการณ์ทุกอย่างดี ขณะที่เจ้าตัวก็ประกาศว่าพร้อมเป็นหัวหน้าพรรค

ท่ามกลางกระแสข่าว “คุณพ่อทักษิณ” ทักษิณ ชินวัตร เดินเกมดิ้นหนีคุกขอยื่นพักโทษไปพักที่บ้าน เข้าล็อกเป๊ะกับที่“อุ๊งอิ๊ง”ออกมาเปิดประเด็นว่า  “คุณพ่อทักษิณ” เข้ารับการผ่าตัดอยู่ในช่วงพักฟื้น และไม่ทราบต้องรักษาตัวนานแค่ไหน ให้ฝ่ายกฎหมายดูอยู่ว่าในช่วงที่มีอาการป่วยเป็นไปได้หรือไม่ที่จะไปพักรักษาตัวที่บ้านได้

ขณะที่ “หมอใหญ่” พล.ต.ท.โสภณรัชต์ สิงหจารุ นายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ ยืนยันข้อเท็จจริงกรณี”ทักษิณ” เข้ารับการผ่าตัดเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่วนสาเหตุ มาจากหลายอาการ ซึ่งขณะนี้ อยู่ในเกณฑ์ปลอดภัย และกำลังดีขึ้นตามลำดับ

ทำให้หลายคนมองว่า เป็นการซื้อเวลาดิ้นหนีไม่ยอมนอนคุก ทามการการจับตามองของประชาชนทั้งประเทศว่า กฎหมายบ้านเมืองมีความศักดิ์สิทธิ์ จริงหรือไม่ หรือมีไว้เพื่อจัดการคนที่ไม่ใช่พวกหรือเปล่า.