เมื่อวันที่ 10 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศญาติแรงงานไทยในอิสราเอลที่จ.บุรีรัมย์ ที่ยังใจหายใจคว่ำและลุ้นความปลอดภัยกับสถานการณ์สู้รบอยู่ตลอดเวลา หลังยังไม่มีวี่แววว่าจะมีการหยุดรบ โดยทางครอบครัวของของแรงงานไทยต้องคอยติดต่อกันอย่างลุ้นระทึกตลอดทั้งวันที่ผ่านมา

กระทั่งล่าสุดแรงงานไทยรายหนึ่งวัย 30 ปี ได้โทรศัพท์วีดีโอคอลกลับมาหาภรรยา ที่อยู่บ้านเลขที่ 272 ม.8 บ้านหนองไทร ต.หนองขมาร อ.คูเมือง จ.บุรีรัมย์ ระบุว่า ตอนนี้ปลอดภัยแล้วหลังจากต้องหลบซ่อนมานานกว่า 10 ชม. โดยเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงเช้าในเวลาของประเทศอิสราเอลว่า ขณะกำลังอยู่ในแคมป์คนงาน มีแรงงานไทยเป็นชายอยู่ด้วยกัน13 คน ได้ยินเสียงเคาะประตูเสียงดังเหมือนจะพังเข้ามา แต่ทีมงานไม่เปิดประตูให้เพราะเกรงจะได้รับอันตราย จากนั้นได้ยินเสียงปืนดังขึ้น จึงคิดว่าน่าจะเป็นกลุ่มคนร้าย จึงวิ่งหาที่หลบซ่อนที่ปลอดภัย ท่ามกลางเสียงปืนกราดยิงดังขึ้นเป็นระยะ

แรงงานไทย เล่าต่อว่า จากนั้นกลุ่มทหารได้มีการวางเพลิงแคมป์คนงานมีควันคละคลุ้ง แรงงานทุกคนจึงหาวิธีเอาตัวรอดอาศัยควันไฟที่สามารถพรางตัวได้ กระโดดออกหน้าต่างไปคนละทิศละทาง แต่ละคนไม่รู้ไปอยู่ไหน ส่วนตัวเองไปนอนหมอบในไร่พริกไม่ยอมออกไปไหนตั้งแต่เวลา07.00 น.จนถึงเวลา 17.00 น. จากนั้นก็ได้เห็นทหารอิสราเอลเข้ามาถึงจึงออกมาขอความช่วยเหลือ ก่อนที่ทหารจะพาไปในที่ปลอดภัย พร้อมกับแรงงานที่อยู่ด้วยกันรวม 13 คน

“ตอนนี้ไม่อยากได้อะไรแล้ว อยากกลับเมืองไทยมากกว่า เพราะรู้สึกจะไม่ปลอดภัยแล้ว” หนุ่มแรงงานไทย ระบุ

ขณะที่นางสาวกิติยา ดาศรี อายุ 30 ปี ภรรยาแรงงานไทยคนดังกล่าว เปิดเผยว่า สามีไปทำงานตั้งแต่เดือน ม.ค.ปี 64 ไปเป็นแรงงานเก็บผัก หลังจากเกิดเหตุสามีได้โทรศัพท์มาเป็นระยะ ตอนนี้เป็นห่วงสามีมาก อยากให้กลับบ้านมาอยู่เมืองไทย เพราะตอนนี้ใช้หนี้หมดแล้ว ไม่หวังอะไรต่อแล้ว อยากให้มีชีวิตกลับมาแค่นั้นก็พอ จึงอยากจะให้รัฐบาลเร่งไปรับแรงงานไทยกลับบ้านโดยเร็ว เพราะแต่ละวินาทีมีความหมาย.