เมื่อวันที่ 14 ต.ค. ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ที่บ้านเลขที่ 165 หมู่ที่ 6 บ้านโนนดู่ ต.หนองภัยศูนย์ อ.เมืองหนองบัวลำภู จ.หนองบัวลำภู ซึ่งเป็นบ้านของ นายสมพร คาระบุตร หนึ่งใน 15 แรงงานไทย ที่เดินทางกลับประเทศไทยชุดแรก เมื่อวันที่ 12 ต.ค. ที่ผ่านมา โดยในวันนี้ที่บ้านมีพ่อแม่และภรรยา รวมถึงญาติพี่น้องที่ทราบข่าวต่างเดินทางมาสอบถามพร้อมทำพิธีรับขวัญด้วยด้ายผูกแขนตามธรรมเนียมของคนอีสาน 

ก่อนที่นายสุวิทย์ จันทร์หวร ผวจ.หนองบัวลำภู พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ได้เดินทางไปให้กำลังใจรับขวัญ แรงงานไทยที่เดินทางกลับบ้าน ซึ่งจังหวัดหนองบัวลำภู มีแรงงานในจังหวัดขอกลับบ้านในชุดแรก 4 คน แต่ได้เดินทางกลับภูมิลำเนาเพียง 2 คน อีก 2 คน ได้เดินทางไปยังจังหวัดสกลนครและยโสธร ซึ่งเป็นบ้านภรรยา

ขณะที่ นายสุวิทย์ ได้สอบถามสารทุกข์สุกดิบในการใช้ชีวิตในสมรภูมิรบกับ นายสมพร ว่า การดำเนินชีวิตอยู่ที่ประเทศอิสราเอลเป็นอย่างไร ซึ่งก็ได้รับคำตอบว่า เพิ่งไปทำงานอยู่ที่ประเทศอิสราเอลได้เพียง 1 ปี 6 เดือนเท่านั้น ไปทำงานวางระบบท่อน้ำและเก็บท่อน้ำ และเก็บผลไม้ ส่วนหนี้สินก็ยังใช้ไม่ทันหมด ใจจริงก็ยังอยากจะกลับไปอีกอยู่ หากสถานการณ์ของสงครามยุติแล้ว

หลังจากนั้นได้มอบเงินพร้อมเครื่องอุปโภคจากสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดหนองบัวลำภู และเหล่ากาชาดจังหวัดหนองบัวลำภู

จากนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองบัวลำภู พร้อมด้วยคณะ ได้เดินทางไปบ้านเลขที่ 147 หมู่ที่ 7 บ้านดอนนาดี ต.บ้านขาม อ.เมือง จ.หนองบัวลำภู เยี่ยมให้ขวัญและกำลังใจกับ นายกิตติพงษ์ ไชยโก เป็นรายที่ 2 จากคนที่มีภูมิลำเนาในพื้นที่จังหวัดหนองบัวลำภู ซึ่งภายในบ้าน มีพ่อแม่ภรรยารวมถึงญาติพี่น้องได้มารอรับกันอย่างมาก พร้อมทำพิธีผูกแขนรับขวัญ และร่วมกันมอบเงินพร้อมเครื่องอุปโภคจากสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดหนองบัวลำภู และเหล่ากาชาดจังหวัดหนองบัวลำภู

โดยนายกิตติพงษ์ กล่าวว่า ช่วงที่เกิดเหตุ ตนอยู่กับเพื่อนๆ ในแคมป์คนงาน 6 คน ก่อนที่จะมีการหลบเข้าไปในหลุมหลบภัย และมีเพื่อนบางคนถูกจับตัวไปเป็นประกัน ในส่วนของตนเอง ก็ได้แต่อธิษฐานขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ นึกถึงพ่อแม่ทางบ้านให้คุ้มครอง ในขณะเดียวกัน ตนเองก็เชื่อว่าเหรียญหลวงปู่เจริญ วัดโนนสว่าง เกจิอาจารย์ชื่อดังในตัวอำเภอหนองวัวซอ จังหวัดอุดรธานี ที่ตนเองและพ่อแม่มีไว้ประจำตัวเองทั้งรุ่นแรกและรุ่นล่าสุด อาจจะเป็นอิทธิปาฏิหาริย์ให้ตนเองแคล้วคลาดจากสงครามภายในครั้งนี้ก็อาจเป็นไปได้

โดย นายสุวิทย์ กล่าวว่า สำหรับแรงงานของจังหวัดหนองบัวลำภู จากฐานข้อมูลที่ได้มีผู้เดินทางไปทำงานที่ประเทศอิสราเอล ที่มีรายชื่อจำนวน 1,311 คน และไม่พบในฐานข้อมูล แต่พ่อแม่ญาติพี่น้องได้แจ้งรายชื่อกับทางผู้ใหญ่บ้าน กำนัน สำรวจรายงานมายังจังหวัด สรุปมีอีก 157 คน รวมแล้วเป็น 1,468 คน แต่จากระบบฐานข้อมูลที่ทางจังหวัดได้ให้แต่ละหมู่บ้านมีการสำรวจบุคคลที่ไปทำงานที่ยังติดต่อไม่ได้ พบว่ามีอีก 136 คน คนเหล่านี้ พ่อแม่ญาติพี่น้องเป็นห่วงอย่างมาก ซึ่งก็ได้พยายามติดตามอยู่ว่าเขาหายไปไหน เป็นกลุ่มที่ได้รับอันตรายหรือไม่

ส่วนครอบครัวที่ได้รับผลกระทบ ทั้งที่ถูกจับเป็นตัวประกัน และติดต่อไม่ได้ เราได้มีการให้ทางสาธารณสุขจังหวัด จัดทีมเจ้าหน้าที่ทางด้านสุขภาพจิต นักจิตวิทยา ลงไปทุกครัวเรือนที่มีญาติถูกจับเป็นตัวประกันหรือเสียชีวิตแล้ว เข้าไปดูแลให้กำลังใจ ให้คลายความวิตกกังวลในแต่ละตำบล โดยให้มีปลัดอำเภอเข้าไปร่วมรับผิดชอบ รวมทั้งส่วนราชการในพื้นที่ ก็จะเข้าไป ถามไถ่

ส่วนใครที่กลับมาแล้วไม่มีงานทำ ทางสำนักงานพัฒนาฝีมือแรงงานจังหวัด มีหลักสูตรสำหรับการฝึกอบรม ตามที่แรงงานต้องการ ซึ่งทางจังหวัดคาดว่าน่าจะมีคนเดินทางกลับมาร่วม 1,000 คน และตอนนี้ยังไม่รู้ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร ยังมีเงื่อนไขในเรื่องของเวลา เราก็มีอาชีพให้เขาได้ฝึกทักษะทางด้านฝีมือแรงงาน โดยผ่าน สำนักงานพัฒนาฝีมือแรงงานจังหวัดหนองบัวลำภู จะได้ทำงานที่มีประสิทธิภาพ เป็นแรงงานที่มีฝีมือ และมีคุณภาพประกอบอาชีพต่อไป