จากกรณีโลกออนไลน์วิพากษ์วิจารณ์การกระทำของพนักงานส่งของสังกัดบริษัทโลจิสติกส์ชื่อดังรายหนึ่ง ที่่ขับรถกระบะตู้ทึบมาส่งของภายในซอยตัน แต่กลับไม่ยอมถอยรถออกจากซอย แล้วยังพยายามกลับรถ จนกระทั่งถอยไปชนประตูรั้วเสียหาย ทำให้คุณป้าเจ้าของบ้านที่ถูกชนออกมาติติงการกระทำดังกล่าว แต่ปรากฏว่าฝ่ายคนขับรถกระบะกลับด่าทอสวนกลับด้วยคำหยาบคาย แถมยังท้าทายให้จดทะเบียนรถไปแจ้งความ

เกี่ยวกับเรื่องนี้เมื่อวันที่ 14 ต.ค. นางพชร รวยอารี อายุ 73 ปี อดีตครูของโรงเรียนแห่งหนึ่งย่านบางปู เจ้าของบ้านเลขที่ 97/251 หมู่ที่ 3 ต.บางเมือง อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ผู้ที่อยู่ในคลิป ได้พาผู้สื่อข่าวไปดูร่องรอยการชนที่ประตูรั่วบ้านก่อนจะเปิดเผยว่า วานนี้ ( 13 ต.ค.) ช่วงเย็น ตนออกไปซื้อของที่ข้างนอก และกำลังเดินกลับเข้าบ้าน เห็นรถกระบะคันนึงกำลังกลับรถบริเวณหน้าบ้าน ตนก็เลยเตือนว่าตรงนี้กลับไม่ได้ ชนประตูบ้านแล้ว เขาก็บอกกลับได้ ตนก็บอกว่ากลับไม่ได้ ทำไมไม่ถอยออกไป จนกระทั่งอีกฝ่ายเลี้ยวรถกลับได้ก็หันมาถามว่าเสียหายเท่าไหร่

ตอนก็บอกเรื่องประตูไม่ใช่เรื่องใหญ่ ถ้ามาขอกลับก็จะเปิดประตูให้เลย ปรากฏว่าอีกฝ่ายไม่พอใจ ด่าทอด้วยคำหยาบคาย มีการให้ของลับด้วย ก่อนจะขับรถออกไป เรื่องที่เกิดขึ้น ติดรู้สึกติดใจว่าทำไมต้องมาด่าทอตนเช่นนี้ ตนไปทำอะไรให้ ปกติหากมีคนมาขอกลับรถตนจะเปิดประตูให้เลย แต่ก็จะดูก่อนว่าให้ได้ไหม การแสดงท่าทีว่าตัวเองยิ่งใหญ่ไม่ยอมใครแบบนี้ ตนว่ามันไม่ถูกต้อง

“…พนักงานส่งของควรจะรู้กาลเทศะ จะส่งของในซอย ก็ต้องมีความจิตสำนึก อันไหนควรไม่ควร ไม่ใช่วิ่งครั้งเดียวเลิก เราติดใจแค่เรื่องที่มาด่าและให้ของลับกับเรา ส่วนเรื่องประตูไม่ได้ติดใจ อยากฝากถึงพนักงานส่งของ ไรเดอร์ทุกคน สิ่งสำคัญที่สุดคือคุณต้องมีมารยาท อย่าใช้คำพูดที่ไม่เหมาะสม รู้ว่าอันไหนควร ไม่ควร ขอให้ปฏิบัติตนอย่างเหมาะสมก็พอ…” นางพชร กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ นางพชร รวยอารี นั้นเป็นคุณแม่ของ พ.ต.อ.ธนกฤต รวยอารี ผกก.สภ.หนองมะโมง จ.ชัยนาท ซึ่งทาง พ.ต.อ.ธนกฤต ได้เปิดเผยหลังเกิดเหตุการณ์ว่า ตนขับรถจากต่างจังหวัดกำลังกลับมาบ้าน ปรากฏว่า คุณแม่ได้โทรศัพท์มาบอกว่า มีรถมาส่งของบ้านฝั่งตรงข้ามแล้วกลับรถมาชนประตูบ้าน จากนั้นก็ใช้คำพูดด่าทอหยาบคายใส่คุณแม่ ภายหลังตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบว่า เป็นไปตามที่คุณแม่เล่าให้ฟังทุกประการ ซึ่งปกติหากใครขอกลับรถเราก็จะเปิดให้ แต่ก็จะดูเป็นราย ๆ ไป กรณีที่เกิดขึ้นนอกจากไม่ขอแล้ว ยังมีพฤติกรรมหยาบคายใส่คุณแม่ของตนด้วย ตอนนี้ทราบตัวคนก่อเหตุแล้ว มีการโทรมาจะขอเจรจา อยากจะขอโทษ

“…สิ่งที่อยากเห็น มันไม่ใช้เรื่องของการขอโทษขอโพย มันเป็นการที่คุณจะต้องมีจิตสำนึก คุณมีอาชีพบริการ คุณขับรถสาธารณะ คุณต้องมีอารมณ์ อีคิว ที่ดีกว่านี้ และที่สำคัญ คุณเข้าไปในซอยส่วนบุคคล แล้วพื้นที่ ๆ กลับรถเป็นสถานที่ส่วนบุคคล คุณต้องสำนึกตลอดว่ามันสิทธิ์ของเจ้าของบ้านเขา ไม่ว่าเจ้าของบ้านหลังนี้จะเป็นใครก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นคนธรรมดา พ่อค้า ประชาชน หรือเป็นบ้านของใครก็ตาม คุณไม่มีสิทธิ์เข้าไปกลับรถในบ้านของเขา เว้นแต่เขาจะอนุญาต แล้วแม้ถึงว่าเขาไม่อนุญาต คุณก็ไม่มีสิทธิ์โกรธเขา…” พ.ต.อ.ธนกฤต กล่าวและเผยอีกว่า

สิ่งที่เขาเข้าใจคือเขาคิดว่า จะไปเรียกร้องค่าเสียหายเรื่องประตู ซึ่งไม่ได้ติดใจเรื่องประตูเลย แต่เพราะ 1. เขาไม่เข้าใจสิทธิและหน้าที่ของตัวเอง 2. เขาไม่มีมารยาท 3. ต้องถามใจของคุณดูว่า มีใครมาใช้คำพูดหยาบคายด่าบุพการีของคุณ แล้วคุณจะคุยกับเขาหรือเปล่า ก็อยากจะฝากถึงบริษัทที่มีไรเดอร์ ก่อนที่จะรับพนักงานเข้าไป ไม่ว่าเป็นบริษัทใด ๆ ก็ตาม อย่างน้อยควรมีการอบรม แล้วก็เพิ่มทักษะอีคิวให้แก่ผู้ที่มีอาชีพลักษณะเช่นนี้ ให้มากกว่านี้ ต้องให้เขาพึ่งระลึกถึงหน้าที่ และสิทธิ์ของตัวเอง หากการกระทำใดไปกระทบสิทธิ์ของผู้อื่น ควรมีการใช้กริยาวาจาในลักษณะเป็นการขออนุญาต หรือมีการแสดงความรู้สึกขอโทษ ให้มันดีกว่านี้ ถึงแม้ว่าเจ้าของเขาจะไม่ให้ คุณไม่มีสิทธิ์ไปโกรธหรือไปด่าว่าเขา.