เมื่อวันที่ 16 ต.ค. ผู้สื่อข่าวเดินทางไปบ้านเลขที่ 34 หมู่ 4 บ้านหนองกุงน้อย ต.แก้งแก อ.โกสุมพิสัย จ.มหาสารคาม ภายหลังจากเมื่อตอนตี 3 ที่ผ่านมา นายอนุชิต เกษคำภา อายุ 24 ปี แรงงานไทยในอิสราเอลที่เดินทางกลับมาประเทศไทยในรอบที่ 3 ลงที่สนามบินอู่ตะเภาเมื่อวานนี้ เดินทางถึงบ้านเกิด ในช่วงเช้าวันนี้บรรดาญาติพี่น้องและชาวบ้านในหมู่บ้านที่ทราบข่าว ก็ทยอยเดินทางมาเยี่ยมให้กำลังใจ พร้อมกับนำฝ้ายมาผูกแขนเรียกขวัญ ก่อนที่นายอนุชิต จะเดินไปที่บ้านหลังข้างๆ ที่อยู่ติดกัน ซึ่งเป็นบ้านของยายทวด อายุ 90 ปี และ 74 ปี ซึ่งยายทวดทั้งสองต่างก็ผูกแขนให้ด้วยน้ำตา พร้อมกับสวมกอดหลานเรียกขวัญให้กลับคืนมาที่ประเทศไทย กลับมาอยู่บ้าน และไม่ต้องไปไหนอีก

นายอนุชิต เล่าว่า วันที่รบกันวันแรกเป็นวันหยุด ตอนนั้นนอนอยู่ในห้องยังไม่ตื่น ได้ยินเสียงไซเรนก็ออกมาดูเห็นจรวดพุ่งไปมา เพิ่งจะไปทำงานได้ 4 เดือน เสียค่าใช้จ่ายไปประมาณ 140,000 บาท อยากหาเงินส่งมาให้พ่อให้แม่เยอะๆ จะได้หมดหนี้หมดสิน แคมป์ที่ตนอยู่เป็นหมู่บ้านเดียวที่ผู้ก่อการร้ายไม่ได้เข้ามา มีทหารอิสราเอลอยู่ตลอด อาหารการกินค่อนข้างลำบาก รถขายของเข้ามาไม่ได้ ที่แคมป์มีคนไทยอยู่ด้วยกัน 7 คน กลับประเทศไทยมาด้วยกัน 2 คน

ตอนติดต่อกลับมาที่ไทย ก็ติดต่อกับพี่สาวทางแชต ไม่กล้าวิดีโอคอลเพราะกลัวว่าจะไม่ปลอดภัย พี่สาวก็ประสานงานให้ มีรถของสถานทูตไปรับที่แคมป์ แล้วก็เดินออกไปขึ้นรถมาพักที่เทลอาวีฟ แล้วก็ขึ้นเครื่องบินกลับไทย หากสงครามสงบก็อยากกลับไปทำงานอีก เพราะยังมีหนี้อยู่ ตอนนี้ก็ไม่มีเงินกลับมา เพราะเพิ่งไปทำงานได้แค่ 4 เดือน

ซึ่งภายหลังจากที่ผูกแขนรับขวัญกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว กับข้าวมื้อแรกที่ได้รับประทานกันพร้อมหน้าพร้อมตาพ่อแม่ลูกและญาติๆ ก็คือ ส้มตำ ลาบดิบ ซอยจุ๊ และต้มไก่ ซึ่งผู้เป็นแม่เป็นคนลงมือตำส้มตำให้ลูกชายกิน ส่วนญาติๆ ก็กำลังทำลาบอยู่หลังบ้าน และเตรียมเมนูลาบดิบ ซอยจุ๊ พร้อมกับต้มไก่บ้านให้กิน เมื่อพร้อมแล้ว ทั้งพ่อแม่ลูกและญาติๆ ก็ล้อมวงนั่งกินอาหารมื้อแรกกันอย่างมีความสุข โดยนายอนุชิต บอกว่า อยากกินส้มตำฝีมือแม่และซอยจุ๊มาก มาวันนี้ก็ได้กินสมใจ ที่สำคัญคือได้กินพร้อมหน้าพร้อมตากับพ่อกับแม่