สืบเนื่องจากกรณีมีรายงานข่าวว่า นายเปรมชัย กรรณสูต กรรมการ บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำเลยที่ 1 ในคดีล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร เหตุเกิดเมื่อต้นเดือน ก.พ. 2561 และถูกศาลฎีกาพิพากษาจำคุก 2 ปี 14 เดือน ต่อมาได้มีการแก้ไข พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 โดย พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า แก้ไขเพิ่มเติม ปี พ.ศ. 2562 ให้ยกเลิกมาตรา 55 การกระทำของจำเลยจึงไม่มีความผิดในส่วนนี้ ตาม ป.อาญา มาตรา 2 ลดโทษจำคุกให้ 8 เดือน คงจำคุกนายเปรมชัย (จำเลยที่ 1) เหลือ 2 ปี 6 เดือนที่เรือนจำอำเภอทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี จากนั้นเมื่อวันที่ 16 ต.ค. ที่ผ่านมา กรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม ได้มีการประชุมพิจารณาเกี่ยวกับคดีของนายเปรมชัย กรรณสูต ว่าจะมีการปล่อยตัวนายเปรมชัย ออกจากเรือนจำอำเภอทองผาภูมิ ภายในวันที่ 17 ต.ค. นั้น

ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 17 ต.ค. กรมราชทัณฑ์ ได้มีการเผยแพร่เอกสารข่าวแจกสื่อมวลชน ระบุว่า ด้วยกรมราชทัณฑ์ ได้กำหนดให้มีการประชุมคณะอนุกรรมการเพื่อพิจารณาวินิจฉัยลดวันต้องโทษจำคุก ครั้งที่ 13/2566 ในวันที่ 17 ต.ค. 66 โดยมีผู้ต้องขังที่เข้ารับการพิจารณารวมทั้งสิ้น 567 ราย อนุมัติ 484 ราย ไม่อนุมัติ 83 ราย โดยกลุ่มที่อนุมัติปล่อยตัวลดวันต้องโทษจำคุกในวันที่ 17 ต.ค. 66 มีจำนวน 113 ราย ซึ่งในกลุ่มนี้มีนักโทษเด็ดขาดเป็นที่สนใจของสังคม จำนวน 1 ราย ได้แก่ นายเปรมชัย กรรณสูต ต้องโทษอยู่ที่เรือนจำอำเภอทองผาภูมิ ในความผิดฐาน พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ, พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า, พ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม, มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, ความผิดต่อเจ้าพนักงาน   

กรมราชทัณฑ์ ระบุอีกว่า มติที่ประชุมคณะอนุกรรมการฯ ได้เห็นชอบอนุมัติให้ปล่อยตัว ลดวันต้องโทษจำคุกเพื่อคุมความประพฤติ นายเปรมชัย ตั้งแต่วันที่ 17 ต.ค. และจะพ้นโทษในวันที่ 7 ธ.ค. นี้ แต่เนื่องจาก นายเปรมชัย มีปัญหาด้านสุขภาพ ตรงบริเวณข้อเท้าที่เคยถูกคว้านเนื้อที่ตายจากอาการเบาหวานลงขา เพราะป่วยเป็นโรคเบาหวานที่ควบคุมได้ยาก และหากให้อุปกรณ์ดังกล่าว จะมีการเสียดสีจนเกิดบาดแผลที่รุนแรงขึ้นอีก ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการบำบัดรักษาในกรณีฉุกเฉิน คณะอนุกรรมการฯ จึงมีมติเห็นควรไม่ให้ใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัว (EM) ทั้งนี้ เมื่อปล่อยตัวคุมประพฤติ จะต้องมารายงานตัวและอยู่ภายใต้เงื่อนไขคุมความประพฤติ จนกว่าจะครบกำหนดโทษจริงต่อไป.