เมื่อวันที่ 18 ต.ค. นายเกียรติศักดิ์ ตรงศิริ ผวจ.ราชบุรี มอบหมายให้ นายไกรธวัช ทินโสม ปลัดจังหวัดราชบุรี ร่วมกับกรมปศุสัตว์ สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดราชบุรี ด่านกักกันสัตว์ราชบุรี อ.บางแพ และ กอ.รมน.จว.ราชบุรี เข้าตรวจสอบสถานที่การเก็บซากสัตว์(ห้องเย็น) พื้นที่ ต.หัวโพ อ.บางแพ จ.ราชบุรี พบของกลาง เป็นซากสัตว์ ประกอบด้วย ไก่ หมู และเนื้อวัว นำเข้า น้ำหนักรวมทั้งสิ้น 86,200 กก. ซึ่งทั้งหมดไม่มีเอกสารหลักฐานแสดงถึงแหล่งที่มา

จึงทำการยึดอายัดซากสัตว์ดังกล่าวไว้ตรวจสอบ พร้อมแจ้งให้ผู้ที่เป็นเจ้านำเอกสารหลักฐานการครอบครองและที่มาของซากมาแสดงแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ภายใน 15 วัน นับตั้งแต่วันที่ทำบันทึกอายัดซากไว้ หากไม่สามารถนำเอกสารหลักฐานมาแสดงแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ได้ พนักงานเจ้าหน้าที่จะได้ดำเนินการแจ้งความดำเนินคดีต่อพนักงานสอบสวนในความผิดตามพระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2558 และ พระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 ต่อไป

นายไกรธวัช ทินโสม ปลัดจังหวัดราชบุรี เปิดเผยว่า กรณีการลักลอบค้าเนื้อสัตว์เถื่อนในประเทศไทย ซึ่งเป็นปัญหาเรื้อรัง การลักลอบนำเข้าค้าเนื้อเถื่อน ทั้งเนื้อวัว เนื้อกระบือ และเนื้อหมู สร้างปัญหาเรื้อรังให้กับเกษตรกรมาเป็นเวลานานซึ่งสร้างผลกระทบต่อกลไกลตลาด ต่อสุขภาพของผู้บริโภค และอาจก่อให้เกิดโรคระบาดของสัตว์ การปราบปรามเนื้อเถื่อนเป็นนโยบายที่รัฐบาล และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์มีนโยบายดำเนินการอย่างจริงจัง พร้อมได้กำชับให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการจัดการเรื่องนี้อย่างเด็ดขาดได้ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบ กรณีพบเห็นการกระทำความผิดสามารถโทรแจ้งเบาะแสที่สายด่วน 1567 ศูนย์ดำรงธรรม จ.ราชบุรี และสายด่วนศูนย์แก้ไขปัญหายาเสพติด และกอ.รมน. 1374 เจ้าหน้าที่จะเร่งไปดำเนินการในทันที

ด้านนายสัตวแพทย์สุวัฒน์ มลิจารย์ ผู้แทนปศุสัตว์จังหวัดราชบุรี กล่าวว่า การเข้าตรวจยึดเนื้อสัตว์เถื่อนในวันนี้เป็นการตรวจที่เข้มข้นตามนโยบายรัฐบบาล จนมาตรวจที่ห้องเย็นในพื้นที่ อ.บางแพ จากการตรวจสอบพบมีห้องเย็น 10 ห้อง แต่มี 3 ห้องที่พบสินค้าเกษตรต้องสงสัยมีเนื้อ ไก่ กระบือ หมู ซึ่งเป็นเนื้อสัตว์ที่ไทยไม่มีสัญญานำเข้าจากประเทศต้นทาง ประมาณ 86 ตัน ซึ่งสินค้าทั้งหมดเจ้าหน้าที่จะยึดไว้ และให้เจ้าของหาเอกสารหลักฐานมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป