สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงไคโร ประเทศอียิปต์ เมื่อวันที่ 19 ต.ค. ว่า ทำเนียบประธานาธิบดีอียิปต์ออกแถลงการณ์ ว่าประธานาธิบดีอับเดล ฟัตตาห์ อัล-ซิซี ผู้นำอียิปต์ และประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ เห็นชอบร่วมกัน ในการมอบความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมให้แก่ประชาชนในฉนวนกาซา ผ่านด่านราฟาห์ ทางตอนเหนือของประเทศ ซึ่งติดกับภาคใต้ของฉนวนกาซา “ภายในอีกไม่กี่วันข้างหน้า”


ด้านรัฐบาลอิสราเอลออกแถลงการณ์ว่า จะไม่ปิดกั้นความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ซึ่งจะผ่านเข้าฉนวนกาซาทางจุดผ่านแดนราฟาห์ แต่มีเงื่อนไขว่า อิสราเอลจะไม่ขัดขวาง “ตราบใดที่ความช่วยเหลือทั้งหมดถึงมือเฉพาะชาวฉนวนกาซา ไม่ใช่สมาชิกกลุ่มฮามาส”

อนึ่ง เบื้องต้นมีรายงานว่า อียิปต์จะอนุญาตให้รถบรรทุกเพื่อมนุษยธรรมของสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เดินทางผ่านด่านราฟาห์ วันละประมาณ 20 คัน แต่ยูเอ็นพยายามเจรจาขอเพิ่มโควตาเป็นวันละ 100 คัน

ประชาชนในฉนวนกาซาต่อแถวซื้อขนมปัง ที่ร้านแห่งหนึ่ง ในเมืองราฟาห์ ทางตอนใต้ของฉนวนกาซา


อย่างไรก็ตาม ผู้นำอียิปต์ยืนยันว่า จะไม่มีการเปิดพรมแดนสำหรับผู้ลี้ภัยจากฉนวนกาซา เนื่องจากจะเป็นการสร้างแรงกระเพื่อม ให้มีผู้ลี้ภัยเดินทางออกจากเขตเวสต์แบงก์ไปยังจอร์แดน พร้อมทั้งยืนกรานว่า อียิปต์ “ไม่เคยปิด” จุดผ่านแดนราฟาห์ แต่การโจมตีของอิสราเอลขัดขวางกระบวนการที่จำเป็น


คำกล่าวของผู้นำอียิปต์สอดคล้องกับสมเด็จพระราชาธิบดีอับดุลเลาะห์ที่ 2 แห่งจอร์แดน ซึ่งตรัสว่า สถานการณ์ของชาวปาเลสไตน์ต้องได้รับการแก้ไข “ภายในฉนวนกาซาและเขตเวสต์แบงก์” และจอร์แดนไม่รับผู้ลี้ภัยจากเขตเวสต์แบงก์ เพราะจะส่งผลกระทบต่ออียิปต์ด้วย.

เครดิตภาพ : AFP