เมื่อเวลา 17.30 น.วันที่ 26 ต.ค.ที่บ้านเลขที่ 34/1 บ้านโคกสูง หมู่ 6 ต.โนนธาตุ อ.หนองสองห้อง จ.ขอนแก่น นายลำเพย กุสะรัมย์ อายุ 62 ปี  พ่อของนายอภิชาต กุสะรัมย์ อายุ 29 ปี ซึ่งเสียชีวิตจากเหตุสงครามที่ประเทศอิสราเอล พร้อมด้วย น.ส.ขวัญชนก ชมชื่น อายุ 29 ปี ชาว อ.งาว จ.ลำปาง และน้องเมจิ ลูกสาวนายอภิชาต วัย 4 ขวบ ภรรยาและลูกสาว ร่วมรับศพนาย อภิชาต กุสะรัมย์ ซึ่งเป็น 1 ใน 7 ศพแรงงานไทยที่ไปทำงานในประเทศอิสราเอล และเสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงแรงงานได้เคลื่อนย้ายส่งศพกลับบ้านที่ อ.หนองสองห้อง ในวันนี้ โดยรถตู้สีขาว หมายเลขทะเบียน นจ-3932 นนทบุรี ของบริษัท สุริยา 9 หีบศพ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทรับทำหน้าที่นำส่งศพผู้เสียชีวิตแรงงานไทยในอิสราเอล

บรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า ทันทีที่รถตู้เดินทางมาถึง พ่อและภรรยาของนายอภิชาต พร้อมด้วยญาติๆ และเพื่อนบ้าน ออกมารับศพและตะโกนเรียกชื่อผู้เสียชีวิตว่ากลับบ้านเราแล้ว ก่อนที่จะทำการตรวจสอบตามขั้นตอนเพื่อส่งมอบศพให้กับนายลำเพย ซึ่งเป็นบิดาของผู้เสียชีวิต ได้ทำการรับศพมาตั้งบำเพ็ญกุศลภายในบ้าน

โดยมีญาติพี่น้องช่วยกันยกหีบศพและเคลื่อนศพบรรจุโลงเย็น ในขณะที่กำลังเคลื่อนย้ายศพนายอภิชาตใส่โลงเย็นนั้น น้องเมจิ ลูกสาววัย 4 ขวบของผู้เสียชีวิต ร้องไห้ขอดูพ่อ ทันทีที่รู้ว่าพ่อมา แต่ในช่วงนั้นยังไม่ทราบว่าเสียชีวิต โดยญาติๆและเพื่อนบ้านต้องเข้ามาช่วยกันปลอบบอกให้รอก่อน ก่อนที่น้องเมจิจะเข้าไปภายในบ้านกระทั่งญาติพี่น้องและครอบครัวตัดสินใจบอกน้องเมจิว่าพ่อเสียชีวิตแล้ว ทำให้น้องเมจิต้องเข้าไปกอดแม่แล้วร้องไห้ และนิ่งไป ทำให้คนที่พบเห็นต่างกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ ร้องไห้ด้วยความสงสารที่น้องเมจิวัย 4 ขวบต้องมาเสียคุณพ่อไป

และในคืนนี้จะมีการตั้งศพสวดมาติกาบังสุกุลคืนแรก มีนายพันธ์เทพ เสาโกสน รอง ผวจ.ขอนแก่น เป็นประธานในพิธีสวด กำหนดการจะสวด 2 คืน และจะทำการฌาปนกิจบนเมรุภายในวัดหัวหินประเสริฐธรรม บ้านโคกสูง ในวันเสาร์ที่ 28 ต.ค.2566 ซึ่งเป็นวัดเดียวกันกับที่ทำพิธีฌาปนกิจนายพงษ์เทพ น้องชายที่เสียชีวิตในเหตุการณ์เดียวกันเมื่อวันที่ 23 ต.ค.2566 ที่ผ่านมา และจะเก็บกระดูกกลับมาทำบุญพร้อมกับน้องชาย และแม่ที่เสียชีวิตจากโควิด-19 เมื่อปี 65

ด้าน นายทวีป แก้วสุพรรณ์ นักวิชาการประกันสังคม 4 สำนักงานประกันสังคม จ.ขอนแก่น สาขาบ้านไผ่ พร้อมเจ้าหน้าที่มอบเงินบำเหน็จชราภาพ จากกองทุนประกันสังคม ตามมาตรา 33 ให้กับผู้ได้รับผลประโยชน์ภายหลังจาก นายอภิชาต กุสะรัมย์ อายุ 29 ปี และนายพงษ์เทพ กุสะรัมย์ อายุ 26 ปี  2 ลูกชาย ของนายลำเพย ซึ่งเสียชีวิตจากเหตุสงครามในประเทศอิสราเอล ขณะเดินทางไปทำงานใกล้กับฉนวนกาซา

โดยในส่วนของนายพงษ์เทพนั้น มอบให้กับบิดา จำนวน 16,200 บาท และในส่วนของนายอภิชาต มอบให้กับ บิดา ภรรยา และลูกสาววัย 4 ขวบ รวมจำนวน 28,354 บาท โดยเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของกองทุนสำนักงานประกันสังคม ในกรณีที่ผู้ประกันตนเสียชีวิต