จากกรณีข่าวดราม่าสนั่นโซเชียล ที่มีนักศึกษาสาวสวยรายหนึ่ง ได้ออกมาโพสต์รับสารภาพผิดชีวิตที่แสนรัดทน ยอมรับว่าเป็นผู้ป่วย HIV ตั้งแต่กำเนิด ปรากฏว่ามีช่วงหนึ่ง เจอมรสุมชีวิตแสนเศร้าดันมาอกหักทำใจไม่ได้ จึงเลือกหาทางออกด้วยการท่องราตรีใช้ชีวิตแบบ One Night Stand ตลอดเกือบ 7 เดือนที่ผ่านมา แต่ตอนนี้รู้สึกผิด อยากให้ผู้ชายที่เคยนัด ลองไปตรวจสุขภาพ ซึ่งหลังจากเรื่องราวนี้ถูกเผยแพร่ออกไป ก็ถูกสังคมติงล้นหลามว่าเห็นแก่ตัว และจะรับผิดชอบชีวิตคนอื่นยังไง?

ต่อมา “นายนิมิตร์ เทียนอุดม” ที่ปรึกษาผู้อำนวยการมูลนิธิเข้าถึงเอดส์ กล่าวถึงกรณีสาวที่ออกมาแชร์เรื่องราวในโซเชียลมีเดีย ระบุว่า “เรื่องนี้ถ้าหากบุคคลรายดังกล่าวอยู่ในการรักษาอย่างต่อเนื่อง มีการรับประทานยาทุกวันจริง ๆ ก็เท่ากับว่าอยู่ในการรักษามานานแล้ว น่าจะอยู่ในเกณฑ์ที่มีไวรัสในกระแสเลือดน้อยมาก น้อยกว่า 50 Copy ต่อเลือด 1 หยด หรือที่เรียกว่าตรวจไม่พบ ซึ่งถ้าน้อยอย่างนั้น ก็จะเป็นเหมือนที่เราพยายามรณรงค์เรื่อง U = U หรือ Undetectable = Untransmittable คือ ตรวจไม่พบเท่ากับไม่แพร่เชื้อ ดังนั้น คนที่รักษาเอชไอวีมานาน กินยาตลอด การไปมีเพศสัมพันธ์ โอกาสที่จะทำให้ติดเชื้อหรือแพร่เชื้อต่อนั้นน้อยมาก หรือไม่มีเลย”

“เราจึงพยายามรณรงค์อยู่ในปัจจุบันว่า หากติดเชื้อเอชไอวีให้เข้ามารับการรักษา เพื่อจะได้กินยาต้านไวรัสอย่างต่อเนื่อง จนเชื้อไวรัสในร่างกายต่ำมากจนตรวจไม่พบ สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติเหมือนกับคนทั่วไปที่ไม่มีเชื้อ เพราะโดยทั่วไปการกินยาและอยู่กับการรักษา ก็เท่ากับเหมือนเป็นผู้ป่วยโรคเรื้อรัง โอกาสแพร่เชื้อเท่ากับศูนย์ ส่วนที่ว่าดื่มเหล้าแล้วทำให้เชื้อดื้อยานั้น ก็ไม่จริง เพราะเชื้อไม่ได้เมาเหล้า เหล้าไม่ได้มีผลต่อเชื้อ และไม่ได้มีผลต่อประสิทธิภาพของยาต้านไวรัส

ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพ : @มูลนิธิเข้าถึงเอดส์