เมื่อวันที่ 9 พ.ย. 66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจมูลนิธิกระจกเงา โพสต์ข้อความระบุสุดบีบหัวใจว่า วันที่ 2 พฤศจิกายน 2566 เป็นวันที่เด็กชายวัย 7 ขวบคนหนึ่ง ตื่นแต่เช้าตรู่ลุกขึ้นแต่งตัวนั่งรถทัวร์ข้ามจังหวัดเข้ากรุงเทพฯ เพื่อให้ได้กอดแม่สักครั้ง หลังต้องพรากกันเกือบสองเดือน เด็กชายได้เจอแม่ในห้องเยี่ยมผู้ต้องกัก แม่แกะขนมที่ลูกชายถือติดมือมาให้กิน ก่อนถามไถ่ลูกชายว่า

“ตอนที่พ่อต้องไปทำงานขับรถบรรทุก ลูกอาบน้ำแปรงฟันเองได้มั้ย ลูกได้กินข้าวบ้างมั้ย มีเงินพอไปโรงเรียนหรือเปล่า”

เด็กชายพยักหน้าเบาๆ ตอบรับ พร้อมน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม เราต่างรู้ดีว่าเด็กในวัยแค่ 7 ขวบ แม้จะพอกินข้าวอาบน้ำเองได้ แต่ยังเล็กเกินไปหากต้องขาดแม่คอยดูแล

ทั้งคู่ใช้เวลาพูดคุยกัน จนช่วงที่ต้องบอกลาดำเนินมาถึง เด็กชายยื่นขนมที่เหลือของตัวเองให้แม่ไว้ เพราะรู้ว่าแม่ยังไม่ได้กินข้าว ก่อนกอดลาแม่ และให้สัญญาว่า จะเป็นเด็กดีกลับไปรอที่บ้าน

รอว่าสักวันหนึ่ง แม่จะกลับมาหา มาอยู่ด้วยกันพร้อมหน้า และทำเมนูโปรด กะเพราหมูแสนอร่อย ให้เด็กชายได้กินอิ่มไปจนโต

แม่ของเด็กชายวัย 7 ขวย ชื่อแม่แพง เป็นหญิงสาวชาวลื้อ สัญชาติลาว ที่พบรักกับชายไทย ถูกจับอยู่ที่ ตม. มาร่วม 2 เดือน เพราะวีซ่าหมดอายุ (Overstay) และทางการเตรียมผลักดันออกนอกประเทศพร้อมติด Blacklist 10 ปี อ่านเรื่องราวของแม่แพงที่  https://shorturl.asia/qiI0l

โครงการคลินิกกฎหมายมูลนิธิกระจกเงา ดำเนินการช่วยเหลือครอบครัวนี้ เราทำหนังสือขอประกันตัวจาก ตม.สวนพลู ให้แม่ได้มีโอกาสกลับไปเลี้ยงดูลูกชายมาแล้วสองครั้ง

ครั้งแรกหนังสือยื่นขอประกันตัว ถูกปฏิเสธ เนื่องจากการขอประกันตามเหตุสิทธิมนุษยชนของแม่และเด็ก ไม่เคยมีแนวปฏิบัติมาก่อน เธอจึงยังไม่ได้รับการประกันตัว และคาดว่าในครั้งที่สองอาจถูกปฏิเสธเช่นกัน

ในวันพรุ่งนี้โครงการคลินิกกฎหมาย จึงจะดำเนินการยื่นคำฟ้องขอศาลปกครองคุ้มครองเพื่อให้แม่ลูกได้อยู่ด้วยกันเป็นกระบวนการ ที่อาจเป็นอีกหนึ่งความหวังของเด็กชายและครอบครัว.

ขอบคุณภาพและข้อมูล มูลนิธิกระจกเงา