จากกรณี ศาลแพ่ง ได้มีคำพิพากษา ในคดีหมายเลขดำที่ ผบ 3006/2560 ระหว่าง น.ส.อรกัลยา พุ่มพึ่ง ที่ 1 น.ส.กัลยทรรศ์ ติ้งหวัง ที่ 2 เป็นโจทก์ ฟ้อง บริษัทวิซาร์ดโซลูชั่น จำกัด เป็นจำเลย โดยโจทก์ทั้งสองฟ้องว่าสินค้าที่จำเลยจำหน่ายคือกระทะชื่อว่า “กระทะโคเรียคิง” (Korea King) มีการโฆษณาขายสินค้าที่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเป็นไปตามนั้น ถือเป็นการโฆษณาที่ไม่เป็นธรรมกับผู้บริโภค และคุณสมบัติสินค้าของจำเลย ไม่ได้เป็นไปตามที่จำเลยโฆษณาจำหน่ายสินค้านั้น ซึ่งภายหลังจากการพิสูจน์ทราบจนทำให้ศาลยกฟ้อง

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 20 พ.ย. ที่บริษัท ทีทีที แอนด์ พาร์ทเนอร์ จำกัด อาคารวานิสสา นายพูนภัทร วสุพงศ์พิพัฒน์ ทนายความอาวุโส บริษัท ทีทีที แอนด์ พาร์ทเนอร์ จำกัด แถลงถึงคดีที่เกิดขึ้นว่า ศาลได้เชื่อในพยานหลักฐานและวินัจฉัยแล้วว่ากระทะโคเรียคิงมีคุณสมบัติเป็นไปตามการโฆษณา ทั้งการเคลือบของชั้นกระทะและการทอดแล้วไม่ติดกระทะ ซึ่งจากการตรวจสอบพยานหลักฐานและข้อมูล พบว่า ผู้เสียหายที่คู่กรณีนำมาเป็นสมาชิกกลุ่มผู้บริโภคนั้น มีหลายรายที่ไม่ได้มีปัญหาเกี่ยวกับการใช้กระทะ บางรายก็ยังไม่ได้แกะกระทะออกมาใช้ และมีบางรายที่ไม่พอใจกับโปรโมชั่นการขาย ซึ่งก็ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่า เหตุใดผู้เสียหายถึงเข้ามาร่วมเป็นสมาชิกกลุ่ม ทั้งที่ไม่ได้รับความเสียหายตามที่กล่าวอ้างในคำฟ้อง

ส่วนกรณีที่มีนักวิชาการฝั่งคู่กรณี ทำการพิสูจน์ถึงชั้นกระทะโคเรียคิงนั้น ในวันที่ศาลนัดสืบพยานทางคู่กรณีไม่ได้เชิญนักวิชาการคนดังกล่าวที่อ้างไว้ก่อนหน้ามาเป็นพยาน มีเพียงแค่นำผลการวิจัยมานำเสนอซึ่งก็แตกต่างกับผลการทดสอบของหน่วยงานราชการและนักวิชาการผู้เชี่ยวชาญท่านอื่น

ส่วนประเด็นข่าวที่ว่า มีการฟ้องปิดปากคู่กรณีรายหนึ่งในคดีแจ้งความเท็จ และคดีเบิกความเท็จนั้น นายพูนภัทร บอกว่า เนื่องจากคู่กรณีรายนี้กล่าวอ้างว่าเป็นผู้ซื้อกระทะ โดยไม่มีใบเสร็จการซื้อ จึงไปแจ้งความว่าใบเสร็จหายเพื่อเป็นหลักฐานในการฟ้องต่อชั้นศาลแพ่ง ซึ่งต่อมาคู่กรณียอมรับว่าตนไม่ได้เป็นคนซื้อ แต่ใช้ให้ลูกน้องเป็นคนซื้อให้ เมื่อไปตรวจสอบรายชื่อของลูกน้องคนดังกล่าว กลับไม่พบฐานข้อมูลการซื้อและฐานข้อมูลในระบบทะเบียนราษฎร จึงสงสัยว่าเหตุใดจึงมีการกล่าวอ้างในข้อความเท็จ และใช้ฐานข้อความเท็จดังกล่าวมาเป็นศาลตั้งต้นในการฟ้องคดี ซึ่งเป็นการใช้สิทธิตามกฎหมายของบริษัทฯ

“..ในห้วง 6 ปีที่ผ่านมา ยอดขายกระทะโคเรียคิงลดลงเป็นอย่างมาก และสร้างผลกระทบต่อชื่อเสียงอย่างรุนแรง ส่วนจะมีการฟ้องร้องกลับผู้ที่ทำให้บริษัทเสียหายหรือไม่นั้น ขอพิจารณารายละเอียดคำพิพากษาของศาลก่อน..” นายพูนภัทร กล่าว.