เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 22 พ.ย. ที่ ห้องรับรองกรมสอบสวนคดีพิเศษ ชั้น 2 อาคารราชบุรีดิเรกฤทธิ์ (อาคารเอ) ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยถึงความคืบหน้าคดีหมูเถื่อน 161 ตู้ ว่า จากกรณีที่วานนี้ (21 พ.ย.) คณะพนักงานสอบสวนได้นำกำลังเข้าตรวจค้นห้องเย็น บริษัทแห่งหนึ่งใน จ.สมุทรสาคร แต่ไม่พบหมูเถื่อนของกลางนั้น ตนขอเรียนว่าการเข้าตรวจสอบวานนี้ไม่ได้ถือเป็นการคว้าน้ำเหลว แต่เป็นการเข้าไปตรวจค้นจับกุมตามคำให้การของผู้ต้องหาที่เราจับกุมได้ก่อนหน้านี้ และรวมถึงการสืบสวนสอบสวนของทางดีเอสไอเอง ซึ่งมีข้อมูลว่าห้องเย็นที่รับฝากแช่ดังกล่าว ได้รับการสำแดงข้อมูลใบรับฝากหัวปลาแซลมอนของกลุ่มนายทุนผู้ต้องหา หรือสองพ่อลูกที่ดีเอสไอเพิ่งจับกุมตัวได้ (นายวิรัช และนายธนกฤต ภูริฉัตร) และนำไปยื่นไว้ที่กรมประมง จึงทำการสืบสวนสอบสวนจากเอกสารดังกล่าว อย่างไรก็ตาม เราไม่ได้คาดหวังว่าการเข้าตรวจค้นจะต้องพบเนื้อหมูเถื่อน เพราะกระบวนการนำเข้าเนื้อหมูเถื่อนมีมาตั้งแต่ปี 64-65 ดังนั้น จึงมีการกระจายไปยังศูนย์จำหน่ายสินค้าแช่แข็งต่างๆ หมดแล้ว แต่เราไปเพื่อรวบรวมพยานหลักฐานที่ทางบริษัทเก็บไว้และพิสูจน์ให้ได้ว่ากลุ่มผู้ต้องหาได้เก็บของกลางเนื้อหมูแช่แข็งไว้ที่ใด และได้ถูกกระจายไปยังพื้นที่ใดบ้าง รวมถึงติดตามเส้นทางการเงินและเอกสารต่างๆ ซึ่งจากข้อมูลและเอกสารที่ได้เมื่อวานนี้ทำให้ดีเอสไอสามารถนำไปขยายผลและแจ้งข้อหาเพิ่มเติมกับกลุ่มเครือข่ายดังกล่าวได้มากยิ่งขึ้น จึงไม่ถือว่าเป็นการคว้าน้ำเหลว อีกทั้งในการเข้าตรวจค้นปฏิบัติการหลายครั้งก็สามารถตรวจยึดเนื้อหมูเถื่อนไปทำการตรวจสอบได้

ส่วนกรณีที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้เร่งกำชับให้ดีเอสไอดำเนินการให้รวดเร็วภายใน 5 วัน เพื่อติดตามจับกุมตัวการรายใหญ่นั้น พ.ต.ต.สุริยา กล่าวว่า เมื่อได้รับคำสั่งตามข้อสั่งการดังกล่าวก็ต้องดำเนินการให้ถึงที่สุด แต่เนื่องจากมีกลุ่มผู้ต้องหาจำนวนมากและจำนวนหลายกลุ่มที่ต้องดำเนินการ ทั้งนี้ ยืนยันว่าดีเอสไอไม่ได้นิ่งนอนใจในการสืบสวนสอบสวนเรื่องดังกล่าว ยืนยันว่าเราเน้นทำตามระเบียบและข้อกฎหมายตามขอบเขตที่ดีเอสไอมีอำนาจดำเนินการได้ นอกจากนี้ ส่วนการดำเนินการกับเจ้าหน้าที่รัฐที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการดังกล่าวนั้น ในวันนี้ดีเอสไอจะมีการประชุมสรุปสำนวนคดีที่มีเจ้าหน้าที่รัฐเข้ามาเกี่ยวข้อง ก่อนนำส่งสำนวนให้ทาง ป.ป.ช. พิจารณาชี้มูลความผิด ซึ่งจำนวนผู้ต้องหาที่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐมีมากกว่า 10 ราย แต่ยังไม่ขอระบุว่าเป็นบุคคลใดบ้าง

เมื่อถามว่ากลุ่มเจ้าหน้าที่รัฐและผู้บริหารมีบุคคลที่เป็นข้าราชการระดับอธิบดีกรมเลยหรือไม่ พ.ต.ต.สุริยา ระบุว่า ข้อมูลการสืบสวนสอบสวนของเรา พบว่ามีพยานหลักฐานที่สามารถสืบสวนสอบสวนได้ ที่แสดงให้เห็นว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐไปเชื่อมโยงถึงขบวนการนี้ทั้งหมด.