เมื่อไม่นานมานี้ แฟนคลับนานาชาติพากันแบ่งปันเรื่องราวเบื้องหลังการตั้งชื่อเครื่องดื่มน้ำอัดลม 1 ใน 2 ยี่ห้อ ที่คนทั่วโลกคุ้นเคยกันดี อย่าง “เป๊ปซี่” ว่าไม่ใช่เพียงชื่อเก๋ ๆ ที่ไม่มีความหมาย แต่มีต้นตอและความหมายที่แท้จริงชวนให้ทึ่ง

“น้ำดำ” ยอดนิยมยี่ห้อนี้เกิดขึ้นในปี 2436 ผู้ก่อตั้งเป็นเภสัชกรชื่อว่า เคเล็บ เดวิส แบรดแฮม แรกสุดใช้ชื่อว่า “แบรด’ส ดริงค์” (Brad’s Drink) วางขายในร้านของเขาเอง แต่เขาก็คิดว่าชื่อนี้ยังไม่เหมาะ เพราะเขาต้องการใช้เครื่องดื่มนี้มีชื่อที่สื่อถึง “ประโยชน์ทางสุขภาพ” 

ตามรายงานข่าวของหนังสือพิมพ์แอลเอไทมส์ ชื่อ “เป๊ปซี่” (Pepsi) หรือชื่อที่เก่ากว่านั้นคือ “เป๊ปซี่-โคล่า” (Pepsi-Cola) นั้น นำมาจากศัพท์ทางการแพทย์ว่า ดิสเพปเซีย (Dyspepsia) ซึ่งหมายถึงภาวะอาหารไม่ย่อย ผสมกับคำว่า โคล่า (Cola) ซึ่งหมายถึงรสชาติของเครื่องดื่มที่มีสารสกัดจากใบโคล่าเป็นส่วนผสม

แบรดแฮม โปรโมตน้ำอัดลมใหม่เอี่ยมในเวลานั้นว่า มีสรรพคุณช่วยย่อยอาหารและทำให้ผู้ดื่มรู้สึกดีกับตัวเอง

ขวดเป๊ปซี่พร้อมโลโก้แบบเก่า (ซ้าย) และแบบใหม่ (ขวา)

ความเป็นมาของชื่อ “เป๊ปซี่” นี้ ทำให้ผู้บริโภคและแฟนคลับจำนวนมากถึงช็อก และพากันวิพากษ์วิจารณ์กันยกใหญ่ในโลกโซเชียลมีเดีย โดยเฉพาะบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ (ทวิตเตอร์) และมีไม่น้อยที่สารภาพว่า เพิ่งจะรู้ที่มาของชื่อเครื่องดื่มยอดนิยมยี่ห้อนี้ก็คราวนี้เอง รวมถึงแสดงความตกใจว่า เป็นชื่อที่ “คาดไม่ถึง” ว่าจะมีความหมายแฝงอยู่

ตลอดเวลา 130 ปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่ก่อตั้งแบรนด์ เป๊ปซี่ มีความพยายามที่จะอัปเดตตัวเองอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของรสชาติหรือแง่มุมที่เกี่ยวกับสุขภาพ เพราะปัจจุบัน น้ำอัดลมมีภาพลักษณ์ว่า เป็นสิ่งที่ไม่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ

ตามข้อมูลระบุว่า ปัจจุบัน เป๊ปซี่รส “คลาสสิก” มีส่วนผสมของน้ำตาลน้อยลงกว่าเก่าถึง 57% (4.55 กรัมต่อ 100 มิลลิลิตร) ขณะเดียวกันก็มีสูตรอื่น ๆ ที่ใช้สารให้ความหวานแทนน้ำตาล ด้วยหวังว่าจะดึงดูดใจผู้บริโภคที่ยังชื่นชอบการดื่มน้ำอัดลม แต่ก็เป็นห่วงเรื่องสุขภาพของตัวเองด้วย 

ที่มา : ladbible.com

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES