เมื่อวันที่ 2 ธ.ค. พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ ผู้ช่วย ผบ.ตร. รักษาราชการแทนเลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า ภายหลังผลจากการประชุมหารือระหว่าง พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม และ พล.ต.คำกิ่ง ผุยหล้ามะนีวง รองรัฐมนตรีกระทรวงป้องกันความสงบ/หัวหน้ากรมใหญ่ตำรวจ สปป.ลาว ในการประชุมทวิภาคีไทย-สปป.ลาว เรื่องความร่วมมือด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ครั้งที่ 19 เมื่อวันที่ 25-27 ก.ย. ที่ผ่านมา นำมาสู่การประสานงานด้านการข่าวและปฏิบัติระหว่างสำนักงาน ป.ป.ส.ภาค 4 และกรมตำรวจสกัดกั้นและต้านยาเสพติด สปป.ลาว

ส่งผลให้เมื่อวันที่ 28-30 พ.ย. กรมตำรวจสกัดกั้นและต้านยาเสพติด สปป.ลาว ได้ยึดยาบ้า 14,850,000 เม็ด ที่นครเวียงจันทน์ ซึ่งเตรียมนำส่งข้ามชายแดนเข้าไทยทางด้านจังหวัดหนองคาย และจับผู้ต้องหา 5 คน โดยเป็นชาวลาว 4 คน และชาวไทย 1 คน และขณะนี้ทั้งสองหน่วยงานกำลังร่วมมือกันสืบสวนเพื่อขยายผลจับผู้อยู่เบื้องหลังการกระทำผิดในครั้งนี้ ซึ่งเชื่อว่าอีกไม่นานจะสามารถจับกุมได้และจะแถลงความคืบหน้าให้ทราบ

พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ กล่าวอีกว่า การดำเนินการข้างต้น เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่จะลดปัญหายาเสพติดให้ได้เป็นรูปธรรรมในเวลา 1 ปี และ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ที่เน้นให้มีการยกระดับความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภายในและภายนอกประเทศ เพื่อปฏิบัติการเชิงรุกในการป้องกันและปราบปรามนักค้ายาเสพติด โดยเน้นที่การประสานความร่วมมือ ด้วยข้อเท็จจริงที่ว่าในไทยไม่มีแหล่งผลิตยาเสพติด แต่จะถูกนำเข้ามาจากแหล่งผลิตในพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำ ซึ่งในระยะหลังพบว่า นอกจากขบวนการค้าจะลักลอบนำเข้าทางชายแดนภาคเหนือแล้ว ยังลักลอบนำเข้าทางชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือเพิ่มมากขึ้น

ดังนั้น พ.ต.อ.ทวี รมว.ยุติธรรม จึงได้ให้สำนักงาน ป.ป.ส. เสนอที่ประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ใช้อำนาจตามมาตรา 5 (10) ประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ. 2564 กำหนดพื้นที่ที่มีความจำเป็นเร่งด่วน เพื่อการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด โดยกำหนดให้พื้นที่ภาคเหนือ จำนวน 11 อำเภอ ในจังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดเชียงราย พื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จำนวน 4 อำเภอ ในจังหวัดนครพนม เป็นพื้นที่ปฏิบัติการเพื่อการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ชายแดนภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ บูรณาการหน่วยงานในพื้นที่เข้าร่วมแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่ดังกล่าว ที่มีข้อมูลบ่งชี้ว่ามีการลักลอบลำเลียงยาเสพติดเข้าไทยจำนวนมากมาอย่างต่อเนื่อง

พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ กล่าวปิดท้ายว่า แม้สำนักงาน ป.ป.ส. และหน่วยงานภาคีจะร่วมมือกันอย่างเต็มที่ ในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด เช่นในครั้งนี้ ที่ทำให้ยาบ้าเกือบ 15 ล้านเม็ด ไม่ถูกนำเข้ามาแพร่ระบาดในประเทศ ไม่ตกไปอยู่ในมือของเด็กและเยาวชนคนไทย แต่การป้องกันและแก้ไขปัญหาได้อย่างยั่งยืนนั้น ส่วนสำคัญขึ้นอยู่กับพี่น้องประชาชนที่จะต้องช่วยกัน สำนักงาน ป.ป.ส. พร้อมที่จะดำเนินการทุกวิถีทางที่ลดปัญหายาเสพติดให้ได้ภายใน 1 ปี และหากมีเบาะแสยาเสพติด สามารถแจ้งได้ที่สายด่วน 1386 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง.