เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 6 ธ.ค. ที่ห้องประชุม Auditorium อาคารกระทรวงยุติธรรม ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม นำคณะผู้บริหารกระทรวงยุติธรรม ประกาศเจตนารมณ์ต่อต้านทุจริต เนื่องในสัปดาห์ต่อต้านทุจริตและส่งเสริมจริยธรรม “ยุติธรรมต้านโกง โปร่งใส ไม่คอร์รัปชัน”

พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 ได้บัญญัติเรื่อง หลักนิติธรรมกับการทุจริตและประพฤติมิชอบ สถานะของหลักนิติธรรม พบว่า ตัวชี้วัดดัชนีหลักนิติธรรมที่สำคัญของ The World Justice Project หรือ WJP โดยในปี พ.ศ. 2566 จำนวน 142 ประเทศ ประเทศไทยได้อันดับที่ 82 ได้คะแนน 0.49 จากคะแนนเต็ม 1 และ สถานะของการทุจริตและประพฤติมิชอบทั้งในภาครัฐและภาคเอกชน พบว่า การขจัดการทุจริตและประพฤติมิชอบทุกรูปแบบ องค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ (Transparency International หรือ TI) เผยแพร่ผลการสำรวจดัชนีการรับรู้การทุจริต (Corruption Perceptions Index หรือ CPI) ประจำปี 2565 จากจำนวนประเทศ 180 ประเทศทั่วโลก ประเทศไทย ได้ 36 คะแนนจากคะแนนเต็ม 100 คะแนน จัดอยู่ในอันดับที่ 101 ของโลก

พ.ต.อ.ทวี กล่าวต่อว่า คำแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี แถลงต่อรัฐสภาเมื่อวันจันทร์ที่ 11 ก.ย.66 ระบุว่า รัฐบาลจะสร้างความชอบธรรมในการบริหารราชการแผ่นดินในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขด้วยการฟื้นฟูหลักนิติธรรม (Rule of Law) ที่เข้มแข็ง มีประสิทธิภาพ โปร่งใส และเป็นที่ยอมรับจากนานาประเทศ เพราะการมีหลักนิติธรรมที่น่าเชื่อถือเป็นการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานทางความคิดและสังคมที่สำคัญของประเทศ เป็นการลงทุนทำให้ประเทศไทยมีหลักนิติธรรมที่น่าเชื่อถือ ใช้งบประมาณของรัฐน้อยที่สุด แต่ได้ประสิทธิภาพมากที่สุดในการพัฒนาประเทศ หากมองอนาคต 4 ปีข้างหน้าจะเป็น 4 ปีที่รัฐบาลจะวางรากฐานและโครงสร้างพื้นฐานใหม่ให้กับประเทศโดยยึดหลักนิติธรรมที่เข้มแข็งและน่าเชื่อถือ รัฐบาลมีความมุ่งมั่นที่จะดำเนินงานให้ประสบผลสำเร็จและเกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว โดยอยู่บนพื้นฐานของความถูกต้องโปร่งใสและตรวจสอบได้สอดคล้องกับกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะในกรณีการดำเนินงานที่กระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม คุณภาพชีวิต รัฐบาลจะให้ความสำคัญกับกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชน

พ.ต.อ.ทวี กล่าวเสริมว่า “ยุติธรรมต้านโกง โปร่งใส ไม่คอร์รัปชัน” เป็นส่วนหนึ่งของ หลังนิติธรรม กับ ป้องกันและขจัดการทุจริตและประพฤติมิชอบ ซึ่งภารกิจหลักของกระทรวงยุติธรรม คือ ทำให้ความยุติธรรมเป็นไปตามหลักนิติธรรม กับ ป้องกันและขจัดการทุจริตและประพฤติมิชอบ ให้เกิดความยุติธรรมสำหรับทุกคน หรือความยุติธรรมนำประเทศอย่างแท้จริง เท่าเทียมเทียบเท่ากับประชาชนจากอารยประเทศที่เจริญแล้ว นอกจากนี้ การขับเคลื่อนค่านิยมร่วมและวัฒนธรรมองค์กรกระทรวงยุติธรรม เกิดเป็นวัฒนธรรมแห่งสุจริต จิตบริการ ยึดมั่นความยุติธรรม เจ้าหน้าที่กระทรวงยุติธรรมทุกคนมีจิตสำนึกในการอำนวยความยุติธรรมแก่ประชาชนอย่างลึกซึ้ง มีความสัตย์ซื่อ มีจิตใจรักการบริการ ยึดมั่นและธำรงไว้ซึ่งหลักนิติธรรม โดยปฏิเสธการทุจริตคอร์รัปชันทุกรูปแบบ ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเปิดเผย โปร่งใส และตรวจสอบได้ เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายเป็นไปด้วยความยุติธรรมอย่างแท้จริง

ทั้งนี้ พ.ต.อ.ทวี กล่าวปิดท้ายว่า ในโอกาสนี้ ตนขอให้ทุกหน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรมประสานความร่วมมือในการพัฒนาและขับเคลื่อนงานยุติธรรมด้วยหลักการว่า “ยุติธรรมต้านโกง โปร่งใส ไม่คอร์รัปชัน”กระทรวงยุติธรรมพร้อมร่วมเป็นพลังสำคัญของประเทศไทยในการบรรลุเป้าหมาย คือ ฟื้นฟูหลักนิติธรรมที่เข้มแข็งกับป้องกันและขจัดการทุจริตและประพฤติมิชอบทั้งภาครัฐและเอกชน ระดับคะแนนดัชนีหลักนิติธรรม The World Justice Project หรือ WJP กับการรับรู้การทุจริต (Corruption Perception Index : CPI) อยู่ใน 20 อันดับแรกของโลกในปี พ.ศ. 2575

สำหรับโครงการสัปดาห์ต่อต้านทุจริตและส่งเสริมจริยธรรม จัดขึ้นระหว่างวันที่ 6-8 ธ.ค.66 เพื่อเป็นการเผยแพร่องค์ความรู้ด้านการป้องกัน ปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ และการส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรมให้กับส่วนราชการในสังกัดกระทรวงยุติธรรม หน่วยงานภาคเอกชน และเครือข่ายภาคประชาชนที่เกี่ยวข้อง ส่งเสริมกระบวนการมีส่วนร่วม การรวมพลังแสดงเจตนารมณ์ในการต่อต้านการทุจริตของกระทรวงยุติธรรม และการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์การทุจริต ตลอดจนแนวทางแก้ไขปัญหา โดยภายในงานจัดให้มีการอภิปราย หัวข้อ “ปัญหาการทุจริตและแนวทางป้องกันการทุจริตในระบบราชการไทย” โดยได้รับเกียรติจากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ ประกอบด้วย นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการ ป.ป.ช. ซึ่งเป็นตัวแทนภาครัฐ และ ดร.มานะ นิมิตรมงคล เลขาธิการองค์กรต่อต้านคอรัปชัน (ประเทศไทย) ซึ่งเป็นตัวแทนภาคเอกชนและภาคประชาชน.